แนะนำตัวให้รู้จักหน่อยค่ะ
Mickey: ชื่อมิกกี้ครับ เรียนคอร์สปริญญาเอก PhD Computer Science ที่ University of Reading ครับ
ทำไมถึงเลือกเรียนสาขานี้?
Mickey: ตอนที่เรียนป. ตรีผมเรียน Software Engineer แล้วผมก็ลองสมัครและทำงานอยู่ 4 อาชีพครับ มี Software Engineer, Data Engineer, Data Analyst และ Data Science ครับ คือผมทำงานจนผมรู้แล้วว่าผมชอบด้าน Data Science แล้วผมอยากที่จะเพิ่ม Skill ของตัวเองด้าน Data Science ผมก็เลยมาเรียนที่ประเทศอังกฤษในด้าน AI ที่ University of Essex ครับ หลังจากนั้นเกรดของผมก็ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจในตัวเอง เพราะว่าได้เกียรตินิยมอันดับ 1 เลยลองสมัครป. เอกในทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศอังกฤษเลยครับ แล้วก็ได้ทุนที่ University of Reading เลยเลือกที่นี่ครับ
เพราะอะไรถึงเลือกเรียนที่ University of Reading คะ?
Mickey: ที่จริงก็เพราะทุนเลยครับ คือที่ไม่ได้ทุนก็มี UCL (University College London) และ Manchester ก็ด้วยครับ แต่ที่เลือกที่นี่เพราะว่าได้ทุน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่นี่ถ้าไม่ได้ทุนก็ประมาณ 5-6 ล้านบาท แต่ถ้าได้ทุนก็เหมือนเราได้เรียนฟรีและได้ทำงานต่อด้วยครับ อย่างตอนนี้ผมก็ทำหน้าที่เป็น TA (teacher assistance) หรือผู้ช่วยสอนด้วยครับ
ทุนที่ผมได้เป็นด้าน Dimensions Point Cloud ที่เกี่ยวข้องกับด้าน Computer Vision ประมาณ 80% และเป็นด้าน NLP (Natural Language Processing) อีก 20% ซึ่ง NLP เป็นด้านที่ผมชอบ ต่อให้มันจะดูเล็กน้อยแต่ว่ามันก็เกี่ยวข้อง เป็นด้านที่ผมสนใจและได้ทำครับ
*สนใจเรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
แนะนำวิธีการได้ทุนเรียนต่อป.เอก
Process ของการได้ทุนป. เอก มีอะไรที่เราต้องเตรียมตัวบ้างคะ?
Mickey: ผมดูจากเว็บไซต์ FindAPhD และจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ด้วยแล้ว คืออย่างน้อยต้องได้เกียรตินิยม 2.1 และตอนสัมภาษณ์จะต้องเขียน Research Proposal และต้องมี 1 Paper ซึ่งผมใช้เวลาทำประมาณ 6-7 เดือน พอส่งไปให้ Conference หนึ่งและได้มาที่หนึ่งแล้ว จากนั้นก็นำมาใส่ใน Profile ของเราด้วยครับ
คือต้องบอกว่า PhD ที่นี่การแข่งขันสูงมากครับ อย่างที่ผมเจอก็คือจาก 140 คนเขารับแค่ 4 คนครับ ซึ่งการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ถ้าเป็น The Russell Group ก็จะประมาณจาก 200 คนรับแค่ 2-3 คนโดยประมาณนะครับ
มีเทคนิคอะไรแนะนำน้องที่เขาอยากได้ทุนบ้างมั้ยคะ?
Mickey: เทคนิคของผมก็คือผมสมัครไปเรื่อย ๆ เลยครับ โดยปกติแล้วคนหนึ่งอาจจะสมัคร 50 อีเมลกันเป็นเรื่องปกติเลย เพราะว่าโอกาสที่จะได้มันยาก ด้วยจำนวนคนที่สมัครมีเป็นร้อยเลย ส่วนตัวผมก็ส่งอีเมลประมาณ 1,600 อีเมลครับ
ตอนสมัครไปผมแนะนำว่า Research Proposal และ Paper ให้ใช้ Chat GPT โดยเราต้องมี Pattern ของเรา มีประวัติตรงส่วนแรกสุด นำผลงานมาไว้ตรงกลาง และตรงท้ายจะต้องบอกว่าเราสนใจอะไรในตัวเขา และบอกว่าเราสนใจตรงนี้นะ เรารู้สึกว่าเราสามารถที่จะแก้ไขปัญหาของคุณได้ เราสามารถช่วยเหลือคุณได้ แล้วในท้ายที่สุดต้องบอกด้วยว่าเราสามารถทำ TA ได้
ถ้าคนที่อยากหาง่าย ๆ หน่อยก็บอกไปได้ว่าเรามีทุนรัฐบาลไทยอยู่ จะทำให้หาได้ง่ายกว่าเยอะมาก ๆ เพราะถ้าต้องการทุนจากมหาวิทยาลัยก็จะต้องไปแข่งอีกทีหนึ่ง แต่ถ้าเรามีทุนแล้วเราก็บอกไปในตอนท้ายได้ ส่วนนี้ก็จะช่วยให้เราหาคอร์สป.เอกได้ง่ายขึ้นเยอะครับ
*สนใจเรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิวการเรียน PhD Computer Science ที่ University of Reading
การเรียนป.เอกที่นี่ต้องทำอะไรบ้าง?
Mickey: ก็ต้องเตรียมเอกสารเยอะครับ หลังจากสัปดาห์แรกเขาก็จะให้เจอ Professor ทุกสัปดาห์ครับ อย่างผมก็ได้เจอ Professor ทุก ๆ วันจันทร์ ซึ่งในทุกสัปดาห์เขาก็จะถามว่าคุณทำอะไรมาแล้วเราก็ตอบไป ถ้าติดปัญหาตรงไหนเขาก็จะแนะนำ พอแนะนำก็เป็นการบ้านสำหรับสัปดาห์ถัดไปครับ
ทางมหาวิทยาลัยก็จะมีการจัดเตรียม Lab ส่วนตัวเอาไว้ ให้เราทำพวกการบ้านที่อาจารย์เขาให้ไว้ครับ ของผมเป็นเรื่อง 3 dimensions point cloud ครับ ซึ่งมันเฉพาะเจาะจงมาก ผมเลยใช้เวลาอยู่ในแล็บเป็นส่วนใหญ่ครับ
อย่างการบ้านของผมก็เป็นเรื่อง 3 dimensions point cloud ครับ ซึ่งมันเฉพาะเจาะจงมาก เป็นการแปลง Point Cloud ในมุมอากาศให้มาเป็นแนวพื้นดิน คือจะต้องแปลงทั้งรูปภาพและแปลงทั้งภาษาเลยครับ อย่างภาษาที่เราพูดออกมานี้เราก็ต้องแปลง และปัญหาคือผมยังไม่มีชุดข้อมูลสลับในการแปลง ซึ่งจะต้องเริ่มตั้งแต่อ่าน Paper และผมไปอ่านชุดข้อมูลบนอากาศมาเลยต้องแปลงให้เป็นพื้นดิน พอไปอ่าน Paper นั้นแล้วก็ต้องทำการแปลงให้ได้ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงขั้นตอนของการแปลงในอากาศมาเป็นรูปในพื้นดิน อย่างเช่นถ้าบอกว่าพื้นที่นี้ถ้ามองจากมุมอากาศอยู่ใกล้โบสถ์ แต่ถ้ามองจากพื้นดินจะอยู่ด้านซ้ายของโบสถ์ คือต้องแปลงให้เป็นแบบนั้นครับ
การเรียนต่อปริญญาเอกแตกต่างจากป.ตรี-โท ยังไงบ้าง?
Mickey: ในความรู้สึกของผมนะ ระหว่างป. ตรี ป. โท และป. เอก ผมว่าป. โทเรียนง่ายที่สุด รองลงมาเป็นป. ตรี และป. เอกนี่ยากที่สุดครับ คือมันเหมือนเราทำการบ้านที่หนักมาก ๆ เสร็จ แล้วเขาก็สั่งใหม่ทันทีเลย
กิจกรรมนอกเหนือจากการเรียนเป็นยังไงบ้าง?
Mickey: ผมชอบแนว Strategy ก็เลยเข้า Chess Club ซึ่งคลับนี้มีคนเยอะครับ ประมาณ 50 คนต่อสัปดาห์ได้ครับ ก็มีต่างชาติที่ผมเจอก็อเมริกา อังกฤษ และเวียดนามก็มี และก็มีคนจากรัสเซียกับอเมริกาที่เล่นหมากรุกเก่งมากครับ แต่ถ้าโดยเฉลี่ยก็น่าจะรัสเซียที่เล่นกันเยอะ ส่วนผมก็เป็นตัวกลาง ๆ ครับ (ยิ้ม)
แต่จะมีคลับหนึ่งซึ่งผมอยากไปคือ International Student Club ครับ ซึ่งเขาก็จะมี Board Game ให้เล่น ก็น่าสนใจครับ
รีวิวการทำงานเป็น Teaching Assistance ที่ University of Reading
ช่วงเป็น TA เราสอนวิชาอะไร หรือเข้าไปช่วยสอนวิชาอะไรบ้าง?
Mickey: เป็นผู้ช่วยสอนอยู่ 5 วิชาครับ โดยเทอมแรกจะเป็นผู้ช่วยสอนอยู่ 3 วิชา คือ Database, Big O และ Finance for AI อะไรแบบนี้ครับ ส่วนเทอม 2 จะมี Database และ OP (Object Oriented Programming) คือเป็นพื้นฐานของโปรแกรม ซึ่งสอนด้วย JAVA ครับ และก็มี Triton กับ (Object-oriented analysis and design) รวม ๆ คือ 2 เทอมเป็น TA สอน 8 วิชา ซึ่งมันหนักมากครับ
เราได้อะไรจากการที่เราเป็น TA บ้างคะ?
Mickey: ที่จริงมันก็เหมือนได้ฝึก Speaking นะครับ ได้ฝึกการพูดคุยกับคนอื่นอะไรแบบ ก็ได้ฝึกเรื่องภาษานิด ๆ หน่อย ๆ แล้วเหมือนได้ทบทวนการเรียนตอนป. ตรีของเรา เพราะว่าตอนเรียนป. ตรีผมก็ได้เกรดไม่ค่อยดีครับ เลยเหมือนได้ทบทวนวิชาตอนป.ตรีไปด้วย ซึ่งมันก็เป็นพื้นฐานด้านโปรแกรมครับ
อยากแนะนำอะไรสำหรับสายงาน TA บ้างคะ?
Mickey: จริง ๆ ถ้าจะเอาทุนจากมหาวิทยาลัยและต้องทำงานสอนไปด้วยก็แนะนำว่าอายุ 24-25 ปี กำลังเหมาะ เพราะถ้าอายุ 30 แล้วและมีครอบครัวด้วยผมมองว่าเอาทุนรัฐบาลมันจะง่ายกว่าเยอะและน่าจะเหมาะกว่าครับ แต่อย่างผมน่ะ ผมเริ่มแก่แล้วนิดหน่อย คือผมอายุ 28 ปี และถ้าทำ TA มันจะเริ่มเหนื่อยแล้ว มันไม่มีไฟเหมือนตอนอายุ 23-24 ปีแล้วครับ
*สนใจเรียนต่อ University of Reading ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
Career Path ของคอร์ส Computer Science
Mickey: ที่จริงด้าน AI ทำได้หลายสายมากเลยครับ อย่างถ้าผมเรียนป.เอก ผมก็สามารถทำทางสายวิชาการได้ เช่น เป็นอาจารย์หรือไม่ก็นักวิจัย หรือว่าถ้าไปสายบริษัทก็สามารถเป็น Data Scientist และ AI Engineer ได้ ส่วนสายที่ใกล้เคียงคือไม่ใช่การทำงาน Model ก็สามารถเป็น Data Engineer ที่เป็นนักทำความสะอาดข้อมูล หรือว่าเป็น Data Analyst ที่เป็นนักวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งไม่ต้องทำ Model กับ Code เยอะ แต่ว่าสิ่งที่ต้องแลกคือเขาต้องเป็นคนที่เก่งเรื่อง Story Telling คือต้องพูดเก่งและคอยแนะนำ หรือว่าจะย้ายสายหน่อยหนึ่ง ก็มีสายที่ใกล้เคียงเป็น Software Engineer อะไรแบบนี้ครับ ซึ่ง Software Engineer ก็จะคล้าย ๆ กับ Data Engineer แต่ Software Engineer จะไปทางด้านเว็บไซต์ ส่วน Data Engineer จะไปทางด้านข้อมูลครับ สรุปคือไปได้หลายสายครับ
รีวิวการใช้ชีวิตที่ Reading
Mickey: ตอนที่ผมมาถึงที่นี่เป็นฤดูหนาว ผมรู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะเมฆมันอึมครึมและฝนก็ตกด้วยครับ ซึ่งฤดูหนาวของอังกฤษฝนจะตกเยอะและบรรยากาศอึมครึม แต่พอตอนนี้คือสภาพอากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใสเลยรู้สึกชอบครับอยู่ได้
การเตรียมตัวเรียนต่อ ป.เอก ที่ UK
Mickey: ตอนนั้นเจอ Ads จาก Facebook ครับ เรื่องงาน Exhibition เรียนต่อต่างประเทศที่ Hands On จัด ผมก็ลองไปเดินที่งานนี้ดู ก็เจอพี่หลินครับ แล้วก็มีพี่อีกคนที่อยู่ตรง PhD Corner พี่เค้าก็จะให้คำแนะนำหมดเลยครับว่าถ้าเราวางแผนเรียนต่อ ป.เอกต้องทำอะไรบ้าง บอกเราทีละ step เลยครับ บอกขั้นตอนการสมัครตรงนี้ ๆ แบบนี้ ๆ แล้วก็ผมมีเอกสาร Research Proposal พี่เค้าก็จะแนะนำว่าผมควรส่งอีเมลไปเองในขั้นตอนนี้ อะไรแบบนี้ครับ
รีวิวบริการจากพี่ Hands On
Mickey: ก็เป็นเหมือนที่ปรึกษารูปแบบหนึ่งครับ คือผมก็ส่ง proposal ไปเยอะมากครับ มีทั้งที่ประเทศออสเตรเลียและที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งพี่หลินก็ช่วยบอกว่าควรทำแบบนี้ ๆ ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะและทำให้ผมสะดวกมากขึ้นครับ
หรืออย่างตอนสมัครทุน Hands On ก็จะช่วยในการสมัครในบางที่และช่วยในเรื่องเอกสาร คือผมมีหน้าที่คือสัมภาษณ์และส่งอีเมล แต่ถ้าบางมหาวิทยาลัย อย่างที่นี่ผมก็สมัครไม่ได้เพราะเหมือนมีปัญหาด้าน Website ทาง Hands On เขาก็เลยสมัครให้ แล้วก็ได้ทุนที่นี่ครับ (ยิ้ม)
มีอะไรอยากฝากถึงน้อง ๆ ที่เขาอยากเรียนต่อป.เอกบ้าง
Mickey: จริง ๆ มันเหนื่อยมากเลยนะ สำหรับคนเรียนป. เอก เราต้องมั่นใจก่อนว่าเราจะทนแรงกระแทกได้ ที่จริงผมว่าที่มันหนัก เพราะผมได้ทุนมาและทำ TA ด้วย ก็สู้ ๆ ครับ