สวัสดีค่าา พี่ชื่อหนูดี ตอนนี้กำลังเรียน MSc Digital Marketing ที่ Henley Business School, University of Reading เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงสนใจเรียนต่อด้าน Digital Marketing กันเยอะ เพราะทุกบริษัทในยุคนี้ต่างก็ต้องการทำการตลาดออนไลน์ให้ปังและมีประสิทธิภาพ 🔥 พี่เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ตรง เผื่อจะเป็นข้อมูลให้น้อง ๆ ตัดสินใจกันค่ะ

📖 ทำไมเลือกเรียนที่ Henley Business School?
✨ คุณภาพระดับโลก
Henley Business School ได้รับการรับรอง Triple Accreditation (AMBA, EQUIS, AACSB) ซึ่งมีน้อยกว่า 1% ของโรงเรียนธุรกิจทั่วโลกที่ได้ครบแบบนี้ การันตีคุณภาพการเรียนการสอนแบบอินเตอร์สุด ๆ
✨ การจัดอันดับที่น่าภูมิใจ
ปี 2024 Henley Business School อยู่อันดับ 7 ของสหราชอาณาจักร และ 35 ของยุโรป จากการจัดอันดับโรงเรียนธุรกิจยุโรปของ Financial Times 🏆
✨ เรียนสนุก เน้นลงมือทำจริง
คอร์ส MSc Digital Marketing ไม่ได้มีแค่ทฤษฎี แต่ยังได้ทำเคสจริง ๆ มีทั้งงานกลุ่ม โปรเจกต์ และเครื่องมือดิจิทัลที่บริษัทจริงใช้กัน เช่น SEO, Social Media Analytics, Digital Strategy — คือเรียนแล้วเอาไปใช้ต่อในสายงานได้เลยค่ะ

📍 Location: เมือง Reading ใกล้ลอนดอน
Reading เป็นเมืองมหาวิทยาลัยน่ารัก ๆ ไม่วุ่นวายเหมือนลอนดอน แต่ก็เดินทางสะดวก นั่งรถไฟไปลอนดอนแค่ 30 นาทีถึงสถานี Paddington เอง การอยู่เมืองเล็ก ๆ แบบ Reading แต่ได้ไปเที่ยว ช้อปปิ้ง ทำงานพิเศษ และเจอเพื่อน ๆ ที่ลอนดอนง่ายมากค่ะ

🌟 Life & Connection
Henley Business School เป็นที่รวมเพื่อน ๆ จากหลายประเทศเลยค่ะ ได้เจอเพื่อนต่างชาติ สร้าง connection เยอะมาก 💬 ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออนาคตการทำงาน ทั้งในไทยและระดับอินเตอร์เลยนะคะ

🎓 Course review: เรียน MSc Digital Marketing ที่ Henley Business School
คลาสเรียนเป็นยังไงบ้าง?
ในคลาสจะมี interactive Q&A ให้นักเรียนถาม-ตอบได้ตลอด อาจารย์อยากให้ทุกคนมีส่วนร่วมค่ะ งานหลัก ๆ ของแต่ละวิชาจะประกอบด้วย
- Group Presentation
- Individual & Group Report
- Reflective Report (รายงานสะท้อนว่าเราได้ทำอะไร เรียนรู้อะไร และจะปรับปรุงยังไงในอนาคต)
ไม่ต้องห่วงว่าจะเขียนไม่ได้ เพราะทางมหาวิทยาลัยจะมี guideline มาให้ละเอียดมาก ทำตามโครงสร้างก็ได้คะแนนดีแน่นอนค่ะ อีกอย่างเพื่อน ๆ ก็ช่วยกันเยอะมาก บรรยากาศ friendly สุด ๆ ระบบส่งงานก็สะดวก ทุกอย่างออนไลน์หมด ถ้ามีข้อสงสัยก็ส่งอีเมลให้อาจารย์ได้ตลอดเวลาค่ะ

🏫 Semester 1: ปูพื้นฐาน
ใครที่ไม่มี background ด้านการตลาดก็ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ อย่างพี่เองจบวารสารฯ อินเตอร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มาก็ยังรอด แถมเรียนได้ดีด้วย เพราะอาจารย์ของที่ University of Reading จะค่อย ๆ ปูพื้นฐานให้ตั้งแต่ต้นค่ะ
📌 Strategic Marketing
เริ่มจาก basic marketing อย่าง 4Ps จากนั้นจะมี Group Project ใหญ่ เป็น scenario game ต้องมานั่งทำทั้งวันเช้าถึงเย็น ได้ลองเขียนแผนการตลาดเหมือนทำงานจริง หลังจากนั้นก็ต้องเขียน Reflective Report ในมุมบุคคลที่หนึ่ง ว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง ทั้ง hard skills และ soft skills
📌 Marketing Insight
วิชานี้จะเป็นการปูทางไปสู่ Dissertation เรียนเรื่อง Research Process ทั้ง qualitative และ quantitative พร้อมงานกลุ่มเล็ก ๆ ที่ต้องทำวิจัย และปิดท้ายด้วย Reflective Report เช่นกันค่ะ
📌 Digital Marketing
อาจารย์ใจดีมากกก 🥰 งานหลักคือ Digital Marketing Portfolio (100%) ต้องเลือกแบรนด์ แล้วทำให้ตรงกับ persona ที่ตั้งไว้ วิชานี้สนุก ไม่โหดเลยค่ะ
📌 Measuring Marketing Performance
อันนี้บอกตรง ๆ ว่าแอบโหด 😅 เพราะมีเรื่องการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ต้องอ่าน Annual Report ของบริษัท แล้ววิเคราะห์ ทำ Financial Report Analysis งานกลุ่มก็มีเพิ่มขึ้น เช่นการคิด Customer Lifetime Value (CLV) แล้วเขียนลง report ด้วยค่ะ
🏫 Semester 2: วิชาเลือก + วิชาบังคับ
เทอมนี้มีทั้งวิชาบังคับและวิชาเลือกค่ะ
✨ วิชาบังคับ
- Digital Marketing Analytics
- Marketing Simulation (เล่นเกมจำลอง ทำการตลาดจริง ๆ แบบแข่งขันกันเป็นทีม)
- Dissertation (เขียนวิจัยจบ ประมาณ 6,000 คำ)
✨ วิชาเลือก (เลือกได้ 2 ตัว) พี่เลือกเรียน
- Sustainable Marketing ♻️ การตลาดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
- Marketing Communication in the Virtual World 🌐 เรียนการตลาดในโลกดิจิทัลและ virtual world
บรรยากาศการเรียนที่นี่ไม่ได้เครียด แต่สนุกมาก ๆ เพราะมีทั้งงานกลุ่ม ได้เพื่อนต่างชาติ ได้ฝึกคิดและลงมือทำจริง ที่สำคัญคืออาจารย์ support ดีมาก ทำให้คนที่ไม่มีพื้นฐานการตลาดมาก่อนก็เรียนได้สบายค่ะ 💕
🚍 การเดินทางไปมหาวิทยาลัย
การเดินทางหลัก ๆ ใช้ บัสสาย 20 และ 21 ลงที่ป้าย University of Reading เลยค่ะ
- สาย 20 → ไวที่สุด เพราะจอดน้อยกว่า
- สาย 21 → จะช้ากว่านิดนึง แต่ก็สะดวกเหมือนกันค่ะ
ง่ายมาก ๆ ค่ะ เดินออกจากหอแป๊บเดียวก็มาขึ้นรถได้เลย 🚌
🏠 ที่พัก: Queens Court
พี่อยู่หอ Queens Court ซึ่งบอกเลยว่า คนไทยเยอะ อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน เลยค่ะ 🇹🇭✨
📍 จุดเด่นคืออยู่ ใกล้ City Center เดิน 5 นาทีถึงห้างและร้านต่าง ๆ เช่น
- M&S, Sainsbury, John Lewis
- ห้างใหญ่ที่สุดของเมือง: The Oracle (ใน The Oracle มีร้านอาหารอร่อยเพียบ 🍜)
- Osaka (อาหารญี่ปุ่นรสถูกปาก)
- Marugame Udon (ราคาเป็นมิตร + มี student discount = ร้านโปรดของหนูดีเลยค่ะ 💖)

🍲 อาหารไทยใน Reading
ถ้าใครคิดถึงบ้าน ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะร้านอาหารไทยเยอะมากกก
- Thai Corner → เดินจากหอแค่ 5–10 นาที ต้มยำกุ้งกับผัดไทยคือดีงาม เหมือนได้กลับบ้านไปกินที่ไทยเลย 🥹
- Thai Grr → อยู่ตรงข้ามหอเลยค่ะ! เมนูดังคือ ข้าวขาหมู อร่อยมากและสะดวกสุด ๆ

🛒 Asian Market & ซูเปอร์ใกล้หอ
- Seoul Plaza → Asian Market อยู่ตรงป้ายบัสไปมหาวิทยาลัยเลยค่ะ หาซื้อของเอเชียง่ายมาก 🍜🥢
- Iceland → อยู่หน้าหอ
- Tesco Express → อยู่ตรงข้ามหอ
เรียกได้ว่าสะดวกครบ จบในที่เดียวค่ะ 🛍️
🌳 สถานที่ชิล ๆ ใน Reading
เวลาว่าง ๆ พี่ชอบไปเดินเล่นกับเพื่อน ๆ แถว Thames Valley บรรยากาศดีมาก 🍃 เหมาะกับการออกกำลังกายหรือเดินเล่นพักผ่อน แนะนำ Swan Sanctuary 🦢 ไปให้อาหารหงส์ชิว ๆ ฟีลอบอุ่นและโรแมนติกมากเลยค่ะ
ชีวิตใน Reading สะดวกสบาย เดินทางง่าย มีทั้งอาหารเอเชีย อาหารไทย และแหล่งช้อปปิ้งครบ อยู่ที่นี่แล้วไม่รู้สึกขาดอะไรเลยค่ะ ✨














