ครั้งแรกที่หาข้อมูลเกี่ยวกับยอร์ก สถานที่แรก ๆ ที่ปรากฎขึ้นมา คือ ตรอก York Shambles หรือต้นแบบของตรอกไดแอกอน (Diagonalley) จากแฮรี พอตเตอร์ ดังนั้น เมื่อมาถึง city center แล้ว ตรอกเล็ก ๆ แห่งนี้จึงเป็นที่ต้องห้ามพลาด เพราะนอกจากบรรยากาศที่เหมือนหลุดไปอยู่ในโลกแห่งเวทย์มนต์ เก่าแก่ แต่อบอุ่นแล้ว ร้านรวงต่าง ๆ ยังน่ารักไม่ไหว
ร้านแรกที่ต้องพูดถึง คือ The Shop That Must Not Be Named ที่เล่นชื่อกับ ลอร์ดโวลเดอมอร์ (Lord Voldemort) หรือคนที่คนรู้ว่าใคร ที่แทบไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงชื่อเขาเลยในเรื่อง จนได้ชื่อว่า Lord Who Must Not Be Named หรือ You-Know-Who วันที่เราไปเป็นวันธรรมดา คิวเลยไม่ยาวเท่าไรนัก แต่สำหรับคนที่มาวันหยุด ก็ต้องเตรียมใจรอคิวยาวคดเคี้ยวได้เลย ในร้านจะมีอยู่สองโซน และในแต่ละโซนเขานับจำนวนคนด้วย ทำให้คนในร้านไม่เบียดเสียดมากจนเกินไป สามารถเดินหมุนดูของได้อย่างสบายใจเลยล่ะ เพราะสตาฟเขาก็ไม่กดดันเราเลย ให้เวลานักช้อปเต็มที่ สินค้าที่ขายในร้านมีตั้งแต่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างพวงกุญแจ เครื่องประดับ ขวดน้ำ สมุด ตุ๊กตา ขนมที่สะท้อนเรื่องราวต่าง ๆ ในเรื่อง ไปจนถึงชุดและเสื้อคลุมของแต่ละบ้าน ที่แพงที่สุดในร้านคงไม่พ้นฟิกเกอร์ที่ถึงกับต้องจัดแสดงไว้ในตู้กระจก เราว่าถึงจะไม่ซื้ออะไร แค่ต่อคิวเข้าไปเสพบรรยากาศก็น่าพอใจแล้ว
ร้านต่อมาก็ยังคงอยู่ในตรอก และยังคงไม่พ้นแฮรี พอตเตอร์ ร้านนี้ชื่อ The Potions Cauldron ให้บรรยากาศประหนึ่งห้องปรุงยามาก ๆ ร้านนี้เน้นขายเครื่องดื่ม ทีตั้งแต่ butter beer ที่ไม่มีแอลกอฮอลล์จากในเรื่อง ไปจนถึงเครื่องดื่ม Liquor ประเภทต่าง ๆ จากที่เดินหยิบจับดูเล่น ร้านนี้มีทั้งแบบขวดใหญ่ประดับจัดเต็มด้วยกลิตเตอร์กินได้ (พอเขย่าขวดแล้วสวยฟุ้งมาก) แบบขวดเล็กของฝากในกล่องสวย ๆ ไปจนถึงเครื่องดื่มแบบสกัดเข้มข้น สำหรับใครที่ไม่อยากแบกของหนัก หรืออยากไปผสมเอาเองมากกว่า นอกจากนั้นความน่ารักของร้านนี้ คือเหล่าพนักงาน ที่จะแต่งตัวจัดเต็มพร้อมเอนเนอร์จี้พร้อมนำเสนอสินค้ามาก โดยไม่มีความกดดันว่าชิมแล้วต้องซื้อด้วย เสียดายแค่ว่าราคาแพงไปหน่อย
อีกร้านหนึ่งอยู่แทบจะสุดตรอกเลย เป็นร้านที่แหวกมาจากธีม แฮรี พอตเตอร์ ออกมาแล้ว ชื่อร้านคือ The York Ghost Merchants และตามชื่อร้านเลย ร้านนี้ขายสินค้าที่แฝงเรื่องราวของผีและประวัติศาสตร์เมืองยอร์ก สินค้าที่ตั้งโชว์โดดเด่นอยู่หน้ากระจกร้านคือเครื่องเคลือบปั้นเป็นรูปผีตัวน้อย ด้วยสีและลวดลายต่าง ๆ ที่ทั้งน่ารัก ทั้งสะท้อนข้อมูลเกี่ยวกับน้องแต่ละตัวด้วย อย่างไรก็ดี ด้วยความที่น้องน่ารัก มีสตอรี่ คนที่มารอคิวเข้าร้านยาวไม่ต่างจาก The Shop That Must Not Be Named เลย ดังนั้นใครอยากมาเที่ยวแถวนี้ ก็อย่าลืมวางแผนเวลากันให้ดี ๆ นะ อนึ่ง เพราะน้องมีราคาที่ค่อนข้างสูง หลาย ๆ คนก็เลยอาจเก็บโอกาสสอยน้องเอาไว้ในช่วงกิจกรรม York’s Ghost hunting ที่ร้านนี้จะนำน้องผีตัวน้อยกว่า 100 ตัวไปซ่อนไว้ ณ สถานที่ต่าง ๆ ตามแผนที่รอบตัวโบสถ์ York’s Minster เรากับเมทก็ไปเดินตามล่าหาน้องนะ ถึงจะไม่ได้ตัวน้องมา แต่ได้ประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะเราจะเดินสำรวจพื้นที่ สังเกตจุดต่าง ๆ อย่างจริงจัง แถมบรรยากาศยังสวยมากด้วย เหมือนหลุดออกมาจากหนังเลย ผู้คนเดินหาสมบัติท่ามกลางความมืด โดยมีแสงไฟอบอุ่นจากโบสถ์เป็นฉากหลัง และไฟฉายส่องทาง
นอกจากตรอก อีกส่วนหนึ่งที่พลาดไม่ได้ยามมาที่ยอร์ก คือ สวนต่าง ๆ อาทิ Dean’s Park ที่อยู่ข้าง ๆ โบสถ์ York’s Minster เลย น้องเป็นสวนเล็ก ๆ ที่บางทีผู้คนก็แค่เดินมาซื้อไอศกรีมหน้าสวนแล้วเดินกินเล่นกันไป หรือมานั่งพักผ่อนรับแดดในช่วงหน้าร้อน แต่ในที่นี้เราจะพูดถึง York Museum Gardens เป็นหลัก น้องเป็นสวนที่มีขนาดใหญ่ มีพื้นที่ให้คนในเมืองพาน้องหมามาเดินเล่น นั่งพักชมพระอาทิตย์ตก หรือแม้กระทั้งปิกนิก หรือซื้อฮอกดอกชิ้นโตกินเมื่อเดินจนเมื่อยขา ใครที่เดินสวนจนเบื่อ
เรากับเมทเน้นเดินชมรอบสวนกันมากกว่า เพราะมาในช่วงที่มีงาน Ghosts in The Gardens พอดี ในงานจะจัดรูปประติมากรรมลอยตัวจากลวด เป็นรูปคนต่าง ๆ พร้อมเรื่องราวประกอบ อาทิ ชายหนุ่มที่แอบรักหญิงสาว หญิงม่ายชนชั้นสูงที่ยืนโดดเดี่ยว หรือการละเล่นสนุกสนานของเด็กผู้ชาย ที่ว่าเป็น Ghosts in The Gardens คงเป็นเพราะรูปแต่ละรูปนั้นโปร่ง ประหนึ่งเป็นเพียงเงาจากอดีต ทั้งนี้ทั้งนั้น เรากลับเห็นว่าคนส่วนใหญ่มาเดินตามหารูปของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ มากกว่า อาทิรูปกระรอกตัวน้อย หรือรูปน้องแมวที่นอนงีบอยู่บนหลังคา ใครอยากมาเที่ยวสวนนี้แบบไม่น่าเบื่อ ก็อย่าลืมเช็คเวลานะ งานนี้จะจัดในช่วงเดือนกันยายน ถึงพฤศจิกายน
สุดท้ายนี้ คือ โบสถ์ York Minster ภายในโถงสูงตระการตา โบสถ์แห่งนี้จะให้บรรยาการศักดิ์สิทธิ์แด่ผู้มาเยือน สิ่งที่เราชอบมาก ๆ ของที่นี่คือ กระจกบานหน้าต่างหลากสี ที่แสดงให้เห็นเรื่องราวของคริสต์ศาสนา ตั้งแต่การสร้างโลกของพระเจ้า ไล่เรียงไปจนถึงเรื่องราวหลังวันพิพากษา ใครไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ก็อย่าลืมเงยหน้ามองให้รอบ และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศนะ สำหรับคนที่มาเรียน หรือมาอยู่ที่นี่ เพราะจะได้เข้าฟรีด้วย แต่คนที่เดินทางมาท่องเที่ยวจะมีค่าเข้าเป็นค่าบำรุงรักษาด้วย
ใครมาที่เมืองนี้ ไม่ว่าจะมาเที่ยวหรือมาเรียน ก็ขอให้รู้ไว้ว่าเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีที่เที่ยวเยอะไม่ไหว แค่เดินวนใน city center หรือรอบกำแพงเมืองก็ยังสบายเลย การพักผ่อนและการเรียนรู้ผ่านการท่องเที่ยวนั้นดีไม่น้อยเสมอ
