“สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อ อ๋อม นะคะ ปัจจุบันเป็นนักศึกษาปริญญาโทอยู่ที่ Birmingham City University หลักสูตร MA Future Media ค่ะ”
จากชื่อมหาลัยทุกคนก็คงทราบแล้วว่า เป็นมหาลัยในเมือง Birmingham นะคะทุกคน ตัวของมหาลัยตั้งอยู่ใน City Centre เลยค่ะ สำหรับหลาย ๆ คนที่กำลังสงสัยว่า อะไรคือ Future Media แล้วมันเรียนอะไร สามารถต่อยอดอะไรได้มั้ย บทความนี้จะมาตอบทุกข้อสงสัยค่ะ
ต้องขอเล่าก่อนนะคะว่า ตัวของเราเรียนจบ MBA (Marketing) มาจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) ที่ไทยมาก่อนเรียนที่นี่ค่ะ แล้วตอนเรียนเราค้นพบตัวเองว่าวิชาทางด้าน Branding มีความน่าสนใจมากกกกกก รู้สึกว่าเรียนแล้วสนุก เหมือนได้นำเอาความรู้ทางการตลาดที่เรียนมาไปต่อยอดค่ะ เลยเป็นสิ่งที่จุดประกายให้มาเรียนต่อในหลักสูตรนี้ค่า
หลักสูตร Future Media นะคะเป็นหลักสูตรที่มีการเรียนเกี่ยวกับการสื่อสารของแบรนด์, การตลาด ทำอย่างไรให้แบรนด์นี้สามารถสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมไปถึงการทำสื่อต่าง ๆ เรียนในทั้งทฤษฎีและการปฎิบัติค่ะ ส่วนที่มาของชื่อนะคะ ที่ใช้คำว่า Future Media เพราะว่าหลักสูตรนี้นะคะ ทางอาจารย์ผู้สอนมองว่าเป็นการสื่อสารที่ไม่ได้รวมถึงแค่สื่อในปัจจุบัน แต่ยังมีการรวมไปถึงการใช้สื่อในอนาคตอีกด้วยค่ะ นอกจากเรียนการสื่อสารทางแบรนด์และการตลาดแล้ว ยังมีสอนการใช้สื่ออีกด้วย ได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะเลยค่ะ
“อันนี้เป็นตึกที่เราเรียนนะคะ Parkside ข้าง ๆ จะเป็นตึก Curzon สีแดงโดดเด่นพร้อมกับสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยค่ะ วันนี้อากาศดีท้องฟ้าเป็นใจมากเลย”
🎥 เหตุผลที่เลือกมาเรียนในหลักสูตรนี้นะคะ
เพราะว่าอยากต่อยอดความรู้ทางด้านการตลาดในด้านของ Branding ค่ะ บวกกับอยากเรียนรู้เรื่องการใช้สื่อต่าง ๆ แล้วปรากฎว่ามันจึ้งมากทุกคน!! เพราะว่าเราได้ลองลงมือทำจริงๆ กับห้อง Green screen เพื่อน ๆ ในคอร์สก็น่ารักกันมาก ๆ ช่วยเราเยอะมากตอนทำ Production เพราะว่านี้ไม่ค่อยเก่งเลย แต่ก็รอดมาได้เพราะได้กลุ่มดี นี่คือห้องเรียนที่เรามาปฏิบัติกันนะคะ จอเขียวแบบ เขี๊ยวววววววว! ส่วนใครที่คิดว่าถ้าตัวเองไม่เก่งตัดต่อ แล้วจะเรียนได้ไหม บอกเลยค่ะว่าเราก็ไม่เก่งเหมือนกัน 55555 ตอนแรกตัดต่ออะไรไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ มีแค่สกิล Canva ติดตัวมานิดหน่อยเองงงง แต่ก็ผ่านมาได้ค่ะ สนุกดี 😉
“พอดีมีเรียนเทคนิคการใช้กล้องด้วย อันนี้มาช่วยเพื่อนทำงานจริง ๆ นะคะ แต่กลับได้รูปตัวเองเฉยเลยง่ะ (ก็เพื่อนอยากได้นางแบบ เพื่อจะลองกล้อง) งานถนัดเราเลยอันนี้ ฝ่ายเบื้องหน้า 55555”
นอกจากนั้น เราได้ไปทัศนศึกษาที่ BBC creative ที่ลอนดอนด้วยค่ะ ไปฟังเขาบรรยายการใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ รวมถึงเทคนิคที่เขาใช้ในการทำงาน เปิดโลกมากเลยค่ะ และนี่ก็คือเพื่อน ๆ เราทั้งคลาสนะคะ จะมีทั้งบริทิช ไทย จาเมกา ซูดาน ปากี และอื่น ๆ นานาชาติมากเลยค่ะ เวลาคุยกันทีฟังหลายสำเนียงฉ่ำ
🎓 ระบบการเรียนที่ Birmingham City University
การเรียนปริญญาโทสาขา Future Media เป็นหลักสูตร 1 ปีเต็ม แบ่งออกเป็น 3 เทอม คือ Term 1 Autumn เริ่มเรียนช่วงเดือนกันยายน – ธันวาคม Term 2 Spring เริ่มเรียนช่วงประมาณเดือนมกราคม – มีนาคม และ Term 3 Summer ประมาณเดือนพฤษภาคม – สิงหาคมปีถัดไปค่ะ และนี่คือวิชาทั้งหมดที่ต้องเรียนนะคะ
เทอมที่หนึ่ง จะเรียนถึงการใช้เครื่องมือ การหาข้อมูลจากบทความทางวิชาการต่าง ๆ กลยุทธ์ที่สามารถนำมาใช้ได้ในการทำการสื่อสารของแบรนด์ค่ะ แบ่งเป็น 20 และ 40 หน่วยกิตตามลำดับ
โดยข้อดีของหลักสูตรนี้นะคะคือ ไม่มีสอบค่ะ ส่วนมากจะเป็นการทำงานเดี่ยวและงานกลุ่มเพื่อส่งและพรีเซนต์ให้อาจารย์และเพื่อนฟังในห้องค่ะ
เทอมที่สอง จะเป็นการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อมาผลิตสื่อค่ะ เลยใน 20 หน่วยกิตแรก จะเป็นการเรียนแบบเน้นปฎิบัติจริงในห้อง Green screen และตัดต่อสื่อมานำเสนอในห้องและส่งงานค่ะ ส่วน 40 หน่วยกิตหลังจะเป็นการนำเอาเทคนิคที่เรียนไปทั้งหมดมาประยุกต์ใช้ โดยจะมีโจทย์ของแบรนด์มาให้เราค่ะ งานของเราก็คือคิดว่าจะเอาความรู้ที่เรียนมาไปปรับใช้ในการสื่อสารอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด แอบบอกว่าอาจารย์ให้เรานึกภาพว่าแต่ละกลุ่มเป็นแต่ละเอเจนซี่ ละจะทำการสื่อสารยังไงให้ดีที่สุด เป็นการแข่งขันกันในห้องเรียนสนุก ๆ ค่า
เทอมที่สาม จะเป็นงานจบค่ะ เขาจะให้เลือกว่าจะเขียน dissertation 12,000 คำ หรือ portfolio 8,000 คำพร้อมงานนำเสนอและมีเวลาให้ทำ 12 สัปดาห์ เป็นการนำทุกอย่างที่ได้เรียนไปมาปรับใช้ในงานนี้ค่ะ
📝 การบ้านและการส่งงาน
การบ้านที่นี้ส่วนมากจะเป็นงานกลุ่มและงานเขียนเดี่ยวค่ะ คือทุกครั้งที่มีงานกลุ่มก็จะมีบวกงานเขียนเดี่ยวเข้าไปด้วย สัดส่วนคะแนนก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละรายวิชาค่า การส่งงานก็ส่งผ่านทางช่องทางออนไลน์ และมีกำหนดเวลาส่งงานให้ค่ะ ถ้าก็จะโดนหักคะแนนเป็นรายวันไป T.T (แต่ไม่เคยส่งช้านะคะ กลัวคะแนนจะไม่เหลือเลย จากที่มีไม่เยอะมากอยู่แล้ว lol) ส่วนมากการเรียนของหลักสูตรนี้จะค่อนข้างชิวค่ะ แต่จะหนักแค่ช่วงส่งงานที่ต้องรับผิดชอบตัวเองให้เสร็จงานทันเวลา ละก็เรื่องการปรับตัวในส่วนของภาษา สำหรับอ๋อมเอง เน้นเอาตัวรอดให้ได้ในแต่ละวันก็โอเคแล้วค่ะ 5555555555
🧩 บรรยากาศการเรียนในห้อง
อาจารย์ประจำหลักสูตรนี้ใจดีมาก ๆ เลยค่ะ เข้าใจและรับฟังนักศึกษาทุกคน มีปัญหาอะไรเรื่องการเรียนสามารถเข้าไปปรึกษาเขาที่มหาลัยได้เลยค่ะ (แต่จะให้ดีต้องนัดก่อนน้า) คลาสที่เราเรียนจะมีเรียนแค่ประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์ อย่างเช่นเทอม 2 ที่เราเรียนอยู่ก็จะเรียนแค่อังคารและพฤหัสบดีค่า เพื่อน ๆ ส่วนมากก็น่ารักและเป็นกันเองมากเลยค่ะ เราได้สอนภาษาไทยเพื่อนชาวบริทิชด้วย 5555555 บรรยากาศการเรียนสบาย ๆ แต่พวกเราจะจริงจังเป็นพิเศษตอนทำงานส่งกันค่ะ อย่างเช่นงาน production ที่ผ่านมา พอถึงตอนนำเสนอ เรียกได้ว่างานปังทุกกลุ่มเลยค่า
“อันนี้บรรยากาศห้องเรียนค่ะ นั่งหน้านี่ไม่ใช่เด็กเนิร์ดนะคะ มาสาย 555555”
🚎 การเดินทางไปมหาวิทยาลัย
เนื่องจากเราพักกับญาติอยู่แถว Selly oak เลยต้องนั่งบัสสาย 23 หรือ X22 เพื่อเข้าเมืองไปเรียนในทุกวันที่มีคลาสค่า ใช้เวลาประมาณ 35-50 นาที แต่บัสที่นี่ค่อนข้างตรงต่อเวลานะคะ จะมีบ้างที่มาช้า การจ่ายเงินที่บัสก็สามารถเตะบัตร contactless ได้เลยค่ะ สะดวกมากก ๆ และถ้าใครเป็นนักศึกษาอยู่สามารถสมัครบัสแบบรายเดือนเพื่อเดินทางไปเรียนแบบเหมาจ่ายในระยะเวลา 4 สัปดาห์ได้นะคะ ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 49 ปอนด์ต่อ 4 สัปดาห์ค่ะ คุ้มมาก ๆ ค่ะ ถ้าเป็นคนที่เดินทางบ่อย อย่างเราทั้งเรียนและไปทำงานพาร์ททามด้วย ช่วยประหยัดไปได้พอสมควรเลยค่า
🍊 การเตรียมตัวเรียนต่อกับ Hands On
เราเลือกที่จะมาเรียนต่อกับ Hands On เพราะพี่ ๆ เจ้าหน้าที่บริการน่ารักมาก ๆ ค่ะ ใส่ใจทุกขั้นตอน พี่ที่ดูแลเราหลักๆ ชื่อพี่ซินค่ะ เป็น Counsellor ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนต่อ UK ทำงานอยู่ที่สาขา สีลม ใจดีมากกก เนื่องจากเราเป็นคนขี้สงสัยเยอะมาก ถามเยอะสุด ๆ แต่พี่ ๆ Hands On ทุกคนใจดีและใจเย็นมากค่ะ ช่วยเราทุกกกระบวนการตั้งแต่ เราไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่าอยากเรียนต่อที่ UK เท่านั้น จนถึงการทำวีซ่า ยื่นเอกสารต่าง ๆ รวมถึงการหาหอด้วย (สำหรับเพื่อน ๆ ที่ต้องอยู่หอพัก) พี่ ๆ จะคอยอัพเดทขั้นตอนต่าง ๆ ให้เราอยู่ตลอด ไม่ต้องกลัวตกหล่นเลยค่ะ