แนะนำตัวให้รู้จักหน่อยค่ะ
แม็ค: สวัสดีครับ ชื่อแม็คครับ เรียนคอร์สปริญญาโท Film and Television Production with Cinematography เป็นสาขาถ่ายหนังอยู่ที่ University of York ครับ
ก่อนจะเป็นนักเรียน University of York
ก่อนหน้านี้เรียนอะไรมาคะ?
แม็ค: ผมจบหมอจุฬามาครับ ก็คือจริง ๆ ตั้งแต่เรียนปี 6 ก็เริ่มบอกพ่อแม่ว่าเราไม่ชอบ ไม่เจอของที่ชอบ คือทางบ้านเป็นหมอหมด เราก็เลยบอกพ่อว่าถ้างั้นขอ Gap Year ปีนึง ไปลองถ่ายรูป ถ่ายฟิล์ม ไปดูว่าตัวเราเองชอบไหม ไปเปิด Instagram ถ่ายรูปมาแล้วรู้สึกว่า เออ ชอบอันนี้แหละ ก็เลยขอเรียนอันนี้ แล้วพ่อก็เลยบอกว่าถ้าจะไปเรียนฟิล์มก็ให้มาที่นี่เลย
เราสนใจด้านฟิล์มเป็น Hobby ของเราอยู่แล้ว หรือว่าเคยเรียนที่ไทยก่อนมาคะ?
แม็ค: คือจริง ๆ เป็น Hobby จริง ๆ แค่ชอบถ่ายรูปกับชอบดูหนังเฉย ๆ ครับ แล้วก็ไม่ได้คิดว่ามันจะ Match ตรงไหน แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน Gap Year ก็คือจริง ๆ ตอนนั้นได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพเทอมนึง ก็คือไปลง Course Film ใหม่เลยครับ แล้วก็เริ่มเรียนก็รู้สึกว่าเออ ชอบแบบนี้จริง ๆ แล้วก็ไปลงเป็น Film School เอกชน เป็น Mini Course แบบว่า Film Production ทำอะไรบ้าง เราก็รู้สึกว่าอันนี้แหละ ก็เลยมั่นใจขึ้นว่าอยากมาทางนี้
รีวิวหลักสูตร Pathway สำหรับน้อง ๆ ที่เปลี่ยนสายเรียนต่อ
ทำไมเราถึงเลือกเรียน Pathway?
แม็ค: ถ้าพูดตรงสุดเลยก็คือ ไม่อยากอยู่อังกฤษปีเดียว อยากอยู่อังกฤษนานกว่าปีนึง แล้วก็ไม่อยากอยู่ 2 ปี คือ Pathway มันเป็นความก้ำกึ่งที่พอดี แบบปีครึ่ง ปีกับอีก 9 เดือนนิด ๆ ก็เลยโอเค แล้วก็อย่างที่บอกว่าอยากมาใช้ชีวิตใน UK จริง ๆ ไม่ได้อยากมาเรียนปริญญาโท แล้วรู้สึกว่าต้องปรับตัวไปด้วยแล้วโฟกัสเรื่องเรียนไปด้วย อยากให้ปรับตัวได้แล้ว แล้วค่อยโฟกัสเรื่องเรียน
จริง ๆ ต้องพูดว่า Pathway มันช่วยมาก คือมันไม่ได้ช่วยใน Hard Skill นะ แต่มันช่วยใน Soft Skill คือก่อนที่จะมาแม็คสอบ IELTS ก็ 7.5 แล้วถูกมั้ยครับ แม็คไม่จำเป็นต้องเรียน Pathway แต่ว่าการที่มาเรียน Pathway เนี่ยพูดได้ชัดเลยว่าอังกฤษตั้งแต่ตอน January ปีที่แล้วที่เพิ่งมา กับ January ปีนี้ต่างกันลิบลับ มันแค่คำว่ารู้ IELTS เนี่ยมันไม่ได้แปลว่าใช้ในชีวิตประจำวันได้ง่าย มันต่างกัน
นอกจากนี้ คอร์ส pathway ก็จะมี Mentor ส่วนตัวที่ส่งมาดูแลเราเรื่องสัมภาษณ์เพื่อเข้ามหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ จะสัมภาษณ์เราแทบทุก Week จนกว่าเขาจะรู้สึกว่าผ่านแน่นอนถ้าปล่อยเราไป ก็ถือว่าดีครับ
*สนใจ เรียนต่อ University of York ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิว MA Film and Television Production with Cinematography ที่ University of York
หลักสูตรเป็นอย่างไร ใช่อย่างที่เราอยากเรียนมั้ย?
แม็ค: แฮปปี้มาก ด้วยความที่พอมันเป็นปริญญาโท แล้วคนมันเรียนน้อยครับ ทั้งหมดมีอยู่แค่ 7 คน ซึ่งมันดีมากในแง่ของฟิล์ม เพราะว่าเครื่องมือเรามันแทบจะเป็น 1:1 ได้เลย สมมติว่าเขามีกล้องอยู่ 14 ตัว เรามีอยู่ 7 คน คนละ 2 ไปเลยก็ยังได้ครับ มันก็เลยเหมือนเราได้ใช้ Facility เต็มที่
คือเทอมแรกมันจะมีวิชาเลือกที่เขามาเรียนถ่ายภาพร่วมกันได้ แบบผู้กำกับมาเรียนเป็นตากล้องได้เหมือนกัน แต่พอเป็นเทอมสองมันมีแค่ตากล้องเท่านั้นที่เรียนกล้องได้ เราก็จะมีสตูดิโอเป็นของตัวเอง คือสตูดิโอใหญ่มาก มีของเยอะมาก แต่ใช้แค่ 7 คน แล้วก็จะจองเข้าไปตอนไหนก็ได้ในเวลาทำการครับ
รูปแบบเรียนการสอนเป็นยังไงบ้าง?
แม็ค: แม็คว่าสนุกมาก หมายถึงคนวางแผนของสาขาตากล้องสาขา Cinematography เป็นหัวหน้าใหญ่ของปริญญาโทด้วย เขาก็วางแผนดีมาก คือทุก Week จะเริ่มด้วย Lecture แต่เริ่ม Lecture วันจันทร์ตอนเช้า 9 โมง ตลอดเวลา จะเป็น Lecture ที่เหมือนคุมเนื้อหาใน Week นั้น ต่อจาก Lecture เขาก็จะให้ดูหนังที่เขาคัดมาแล้วว่าหนังเรื่องนี้มันใช่เรื่องที่เขากำลังพูดถึงเยอะในเนื้อหาเรียน เช่น สมมติว่าใช้เรื่องการเคลื่อนที่กล้อง เขาก็จะเลือกหนังที่กล้องมันเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
แล้วก็จะมีการเรียน Practical ก็คือไปอยู่ในสตูดิโอเรานี่แหละครับ 3/4/6 ชั่วโมง แล้วแต่ความยากง่ายของเนื้อหาที่ต้องเรียน แล้วก็จะให้เราทำจริง ๆ เลย ที่ผ่านมาก็มีให้ Block Shot โยนสคริปต์มาให้หน้านึงแล้วก็บอกให้ไปคิดมา แล้วก็ให้นั่งคิดกันอยู่อย่างนั้น 7 คน นั่งคิดว่าจะถ่ายยังไงดี แล้วครูก็เป็นนักแสดงให้ แล้วก็ไปนั่ง Block Shot วางกล้อง เลื่อนกล้องกัน ถ่ายเสร็จครูก็มาบ่นทีนึง (หัวเราะ) มา Feedback ทีนึงว่าอย่างนี้ไม่ดี ๆ เอาอย่างนี้นะ อะ เอาใหม่ เราก็ลองไปเรื่อย ๆ
Assignment หลักสูตรนี้ส่วนใหญ่ต้องทำอะไรบ้าง?
แม็ค: วิชาที่เรียนจริง ๆ มีอยู่แค่ 2-3 ตัว แต่วิชาที่มีเกรดเนี่ยจะมีอยู่ประมาณ 4 ตัว มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า Group Project กับ Project จบ ก็คือ 2 อันนี้ จะให้ทำเหมือนกันก็คือให้ไปทำหนังสั้นแล้วเขียน Reflective Report ว่าสิ่งที่ตัวเองทำเป็นยังไง แต่จะเป็นทาง Technical Approach มากกว่า ไม่ใช่เขียน Reflective ไปเรื่อย ๆ ในเนื้อหาเราก็แค่บอกว่าเราใช้เทคนิคนี้เพราะว่าเราคิดว่าอะไร แล้วมัน achieve อย่างที่เราต้องการมั้ย เราใช้เทคนิคนี้เพราะเราไปศึกษามาจาก Cinematographer ท่านนี้ ว่าเขาเคยทำอย่างนี้ครับ
คือหลัก ๆ ต้องถ่ายหนังแล้วก็เขียน Reflective Report อยู่เสมอ แต่งานที่เป็น Summative ของตัว Module เป็นแค่งานถ่าย Block Shot หรือว่าเป็น Pack Shot โฆษณา เพื่อ Grading เพื่อให้ลองฝึกใช้กล้องเฉย ๆ
อาจารย์เป็นยังไงบ้างคะ?
แม็ค: ต้องพูดว่าอาจารย์คนนี้ดีมาก รู้สึกว่าคนนี้เป็นอาจารย์ที่ดีอันดับต้น ๆ ในชีวิตที่เรียนมาเลย หมายถึงว่าเทียบกับอาจารย์หมอทั้งหมดด้วยนะ รู้สึกว่าคนนี้ฉลาด พูดเก่ง สอนเก่ง ก็คือไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้เป็นหัวหน้าของหลักสูตรปริญญาโท ได้เป็นหัวหน้าหลาย ๆ อย่าง ได้คุมหลาย ๆ อย่าง เพราะเขาคือคนที่อยู่ใน Industry นี้จริง ๆ ทำจนเบื่อ ทำจนช้ำ ทำอยู่กับ ITV ทำจนเกษียณตัวเองมาส่งต่อความรู้ดีกว่า
Facility ที่ใช้ในการเรียน มหาวิทยาลัยเตรียมอะไรให้บ้าง?
แม็ค: มันเยอะมากเลยครับ ถ้าให้ลงดีเทลเนี่ย จริง ๆ กล้องก็อาจจะไม่ได้อัปเดตมาก แต่ว่ามันเป็นกล้องที่ใช้อยู่ในอุตสาหกรรมจริง ๆ อย่าง Sony FX6 ก็มีประมาณ 6-7 ตัว Sony FS7 ก็มีประมาณ 6-7 ตัว แล้วก็มีอย่าง ARRI Alexa ที่เป็นกล้องดี ๆ ที่เขาใช้กันก็มีอยู่ 2-3 ตัว แล้วก็มีกล้อง RED Dragon มีกล้องให้ฝึกเยอะครับ รวมทั้งมีแบบ Steadicam มี Geared Head มีอุปกรณ์ทุกอย่างให้ฝึก มีไฟแทบทุกอย่างให้ฝึกครับ
พอดีเทอมหนึ่งได้เรียนเป็นวิชาเลือกตัดต่อด้วย ก็จะมีห้องตัดต่อแยกของปริญญาโทให้เลย คอมทั้งหมดก็เป็นคอม Mac ทั้งหมด มีโปรแกรมที่ซื้อมาให้ทั้งหมด แค่ใช้อีเมลมหาวิทยาลัยเข้าไปก็คือสามารถใช้ได้หมดเลย เล่นอะไรก็ได้
Facility อื่น ๆ ของ University of York ล่ะเป็นยังไงบ้าง?
แม็ค: ถ้าจะได้ใช้หลัก ๆ ก็คือ Library ครับ ห้องสมุดที่นี่ก็คือดีมาก หมายถึงว่าห้องสมุดมันก็จะใหญ่มาก มี 3 โซนหลัก ๆ เป็น 3 ตึกที่ติดกัน ก็จะมีโซนนั่งอยู่เงียบ ๆ หรืออยากนั่งคุยกับเพื่อน หรือว่าจะไปค้นหาอะไรอย่างนี้ก็ดีมาก
แล้วก็อีกอย่างที่น่าพูดคือ York มันเป็นมหาวิทยาลัยที่สวย แบบว่าสวยด้วยตัวมันเอง ธรรมชาติสวย แต่ก่อนคืออยู่ในมหาวิทยาลัยนั่งทำ Research เครียด ๆ ก็จะเดินออกมาเล่น แล้วก็รู้สึกว่ามันผ่อนคลายแล้วก็มีแรงจะไปทำต่อ เพราะว่ามันจะมีเป็ดเยอะมากในมหาวิทยาลัย เราก็มาเดินเล่นกับเป็ด มาเดินเล่นกับสระว่ายน้ำ
เรื่องอื่นก็มีระบบ Bus ที่ดี นอกจากนี้ด้วยความที่เราเป็นเด็ก International ก็จะมีทีม International Support ให้เราต่างหาก สมมติว่าเราอยากเรียน Language เพิ่ม อยากเรียนอันนู้นอันนี้มันก็จะมีคลาสมาให้ บวกกับตัวคณะเองมันก็จะ Co กัน ไม่ใช่ว่าเราทำแค่หนังแล้วเราจะอยู่แค่หนัง มันก็จะรวม Theatre Play ทั้งหมด มันก็จะมีตั๋วราคาพิเศษ มีสิทธิพิเศษให้เราเข้าไปดูได้เหมือนกัน
แล้วก็อีกอย่างนึงที่สำคัญมาก ๆ ก็คือมันจะมี Seminar นอกเวลาเรียนซึ่งเขาจะชวนคนที่เป็นบริษัท Outsource ที่ทำอยู่ในวงการนี้มาบรรยาย ซึ่งให้เราได้ Make Connection เพิ่ม
*สนใจ เรียนต่อ University of York ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
รีวิวเมืองและการใช้ชีวิต
รีวิวเมืองบ้าง York เป็นยังไง เหมือนที่เราจินตนาการไว้มั้ย?
แม็ค: ดี… ดีกว่าที่จินตนาการไว้ คือแต่ก่อนเคยไปเรียนภาษาที่ London เราก็รู้สึกว่าชอบ London มาก แต่พอกลับมาที่ York ด้วยอายุเท่านี้ ก็รู้สึกว่า York มันสงบ มันเงียบ แม็ครู้สึกว่าถ้าคนที่มาเรียนปริญญาโท คนที่ Old Enough ที่จะเรียนปริญญาโท มีวุฒิภาวะระดับนึง จะชอบเมืองที่มันมีความสงบอย่างนี้ หมายถึงว่ามันไม่สงบจนเงียบเกิน มันมีนักท่องเที่ยว มันมีฝรั่งมาเต็มไปหมดให้เราได้เห็น แต่ว่ามันก็ไม่ได้วุ่นวาย ไม่ต้องมานั่งเครียดว่าใส่หูฟังแล้วหูฟังจะโดนขโมยมั้ย เล่นมือถือพิมพ์ไปได้มั้ย ที่นี่ทำได้หมดเลย เป็นเมืองชิล ๆ คนน่ารัก
การใช้ชีวิตที่นี่เป็นยังไง เราทำอะไรบ้าง?
แม็ค: ที่นี่แม็คทำ Part-time ร้านอาหารไทย เพราะว่าพ่อบอกว่าอยากให้ลองทำดู ทำแล้วก็สนุกมาก จริง ๆ สนุกมากเพราะว่าเราเลือกบอสที่เราจะไปอยู่ด้วย เราสืบมาก่อน (ยิ้ม) พอไปเจอคนไทยที่นิสัยดีก็เลยรู้สึกว่าทำอะไรก็ง่าย สิ่งที่ได้มาแบบไม่คาดคิดก็คือ เราไม่ค่อย Homesick แต่ก่อนช่วงที่เราไม่ได้ทำงานเนี่ยก็ต้องพูดว่าอยู่ ๆ เราก็อยากกลับบ้านอะ คิดถึงอาหารไทย แต่พอไปทำร้านอาหารไทย วันที่เราเหนื่อย ถึงเขาไม่ใช่พ่อแม่พี่น้องเรา แต่ว่าเขาก็คือคนไทยเหมือนเรา เขาก็ถามว่าเป็นอะไร เลยรู้สึกดีมากครับ
คือใน York เนี่ยมันสนุกเพราะว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวของตัวมันเอง แต่ว่าเมืองท่องเที่ยวมันก็จะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย มันก็จะมี History เยอะ ก็บวกกับตอนเรียน Pathway College เนี่ย มันมี Mission แรกเลย การบ้านแรกที่เขาให้ทำคือให้ไปถ่ายรูปกับ Landmark ใน York มาซึ่งสนุกมาก ซึ่ง Landmark มันจะไม่ใช่แบบ Minster นะ มันจะเป็นรูปปั้น อย่าง Printer’s Devil มันจะเป็นรูปปั้นปีศาจแดงเกาะอยู่ที่หลังคาบ้านซึ่งตรงนั้นมันเป็นโรงพิมพ์เก่า เขาก็จะเล่าว่าจริง ๆ มันมี Devil ตัวนี้ เพราะว่าสมัยก่อนเขาเชื่อว่าที่เราพิมพ์ผิดเพราะมีปีศาจมาแกล้งเรา คือ เขาก็จะได้โทษปีศาจตัวนี้แทน ไม่ต้องโทษคนพิมพ์ว่าพิมพ์ผิด มันจะมีของสนุก ๆ ในเมืองเยอะ Museum ที่นี่ก็ดี มี Art Gallery สวนที่นี่ก็สวยมากครับ ส่วนถ้าอยากเข้าเมือง อยาก Shopping ที่ York ก็มี Outlet แต่ว่าถ้าอยากไปใกล้ ๆ ก็คือไป Leeds แป๊บเดียว
ค่าใช้จ่ายที่เมือง York เป็นยังไงคะ?
แม็ค: จริง ๆ ก็ต้องพูดว่า York ไม่ใช่เมืองที่ถูก แต่ก็ไม่แพง ถ้าให้เทียบคือไม่ได้แพงถึงขนาดอยู่ London ถ้าเกิดว่าใช้จริง ๆ ประหยัด ๆ เดือนนึง 700£ เฉพาะค่ากินอย่างเดียวก็อยู่ได้ครับ มันก็มีให้ Eat Out แต่มันก็จะอยู่ประมาณนี้ไม่เกิน 1,000£ คนที่ทำกินเองบ้างกินข้างนอกบ้างก็ประมาณ 1,000£ ไม่เกินนี้
*สนใจ เรียนต่อ University of York ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรีทุกขั้นตอน คลิก
การเตรียมตัวเรียนต่อ กับ Hands On
แม็ค: เริ่มติดต่อ Hands On เพราะว่าตอนนั้นคือไม่รู้เรื่องอะไรเลย ที่บ้านไม่มีใครที่มาเรียนอังกฤษเลย ผมเป็นคนแรก ได้เจอ Hands On จาก Facebook Ads แล้วก็ติดต่อมาเรื่อย ๆ เหมือนช่วงนั้น Hands On จัดงานเรียนต่อพอดีอะ และได้ไปงานพอดีแล้วมันก็โอเค ถ้างั้นก็อยู่กับ Hands On นี่แหละ
Hands On ช่วยอะไรบ้าง?
แม็ค: ช่วยเยอะครับ เพราะว่าตอนแรกก็คือไม่รู้ว่าจะเลือกที่ไหน เขาก็มีลิสต์มาให้ดู แต่จำได้ว่าตอนนั้นเลือกมา 2 University คือ York กับอีกที่นึงจำไม่ได้ แต่ก็มา York เพราะว่าลองคุยถามว่าเมืองมันเป็นยังไง เขาบอกว่าถ้าอยากอยู่ชิล ๆ York ก็น่าจะน่าอยู่กว่า ก็เลยเลือกมา York คือพี่เค้า ดูแลดีมากครับ แทบไม่ได้ทำอะไรเองเลย เพราะว่าอย่างวีซ่า เราแทบไม่ต้องทำอะไรเองเลย เราก็แค่มา Approve อีกทีตอนสุดท้าย ทั้งเรื่องวีซ่า ทั้งเรื่องหอ และอะไรหลาย ๆ อย่างที่มาทำ ตอนแรกของผมมันวุ่นวายด้วยความที่ว่าพอเราเป็นหมอมาเรียนฟิล์ม ก็ได้พี่ Hands On ช่วยทั้งหมดเลยครับ
ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่อยากเปลี่ยนสายเรียนหน่อยได้มั้ยคะ?
แม็ค: อย่างแรกก็คือให้ตรวจสอบให้มั่นใจก่อน ว่าคอร์สเรียนนี้เป็นสิ่งที่ชอบจริง ๆ ถ้าใช่ ก็ไปเลย ไม่ต้องกลัวครับ คืออย่างแม็คเองตอนอายุ 25 ปี ก่อนที่จะตัดสินใจมาที่นี่รู้สึกว่าไม่คุ้มเลย แต่พอมาเรียนที่อังกฤษจริง ๆ แล้วก็รู้สึกว่า 2 ปีที่นี่มีความสุขมากกว่า 25 ปีที่เคยใช้ชีวิตมาเลยครับ ตอนนี้อายุ 27 เพิ่งได้มาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบครับ ถ้าหาตัวเองเจอก็ไปเถอะ มีความสุขแน่นอน (ยิ้ม)