เจาะประเด็นสำคัญจากสัมมนารุ่นพี่ทุนเต็มจำนวนจากอังกฤษ

เมื่อเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ในงาน The UK & Ireland Study Abroad Exhibition 2025 ได้มี “สัมมนาแชร์เส้นทางคว้าทุนต้องทำยังไง? โดยรุ่นพี่นักเรียนอังกฤษทุนเต็มจำนวน” ที่เป็นการพูดถึงประสบการณ์และ Facts ของการเป็นนักเรียนทุนให้น้อง ๆ ได้ฟัง โดยมีพี่ ๆ นักเรียนทุนทั้ง 3 คนที่ได้รับเชิญมาในงาน

🇬🇧 พี่ออม นักเรียนทุน OCSC จาก Queen Mary University of London

🇬🇧 พี่จูน นักเรียนทุน Chevening จาก Goldsmiths, University of London

🇬🇧 พี่ไทน์ นักเรียนทุน SCG Behavioral Marketing (Specialist) จาก Kingston University

ใครที่ไม่ได้มารวมฟังสัมมนาครั้งนี้ พี่ ๆ Hands On ได้รวมทุก Topic ที่สำคัญและน่าสนใจมาให้น้อง ๆ อ่านในบทความนี้

💷 ทุนเต็มจำนวนของพี่ ๆ แต่ละคนครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนใดบ้าง?

พี่ออม: ทุนรัฐบาลไทย (OCSC) จะมีเงื่อนไขรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะนะคะ แต่ที่แน่ ๆ เลย ไม่ว่าคุณจะไปเรียน มหาวิทยาลัยไหน ค่าเรียนจะแพงแค่ไหน ยังไงรัฐบาลไทยจ่ายให้ทั้งหมด 100% อันนี้ก็คือสบายใจได้ ส่วนของค่าครองชีพประจำวัน จะให้เงินประมาณ £1,310 เป็นรายเดือน ส่วนทริปการศึกษาแบบไปดูงาน เงื่อนไขจะค่อนข้างเข้มงวดมาก ถ้าไม่ได้เป็นการดูงานที่บังคับในหลักสูตรเขาจะไม่ออกค่าใช้จ่ายให้เลย และสุดท้ายค่าตั๋วเครื่องบินก็ 100% ไปเท่าไหร่เบิกได้เท่านั้น แต่ว่าด้วยความที่เป็นทุนรัฐบาลไทยก็จะผูกว่าต้องนั่งสายการบินไทยเท่านั้น

พี่จูน: ทุน Fully Funded Scholarships (Chevening) ตามชื่อก็คือจ่ายเต็มจริง ๆ แต่กับ MBA บางหลักสูตรที่อาจจะเกินเพดานทุนที่อาจจะต้องจ่ายส่วนต่างเอง แต่ว่าเท่าที่คุยมากับหลาย ๆ คนก็คือ แทบจะทุกโปรแกรมก็ Cover หมดเลย แล้วก็จะได้เงินเป็นรายเดือนซึ่งก็จะมีการแบ่ง Tier เช่นลอนดอนอาจจะได้สูงกว่า เพราะค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ในบางเคสคนที่อยู่เมืองใหญ่ เช่น Bath, Brighton, Cambridge หรือ Oxford ที่ค่าใช้จ่ายเขาสูงพอ ๆ กับลอนดอน แต่ก็จะได้อีกเรทนึงแทน ซึ่งต้องบริหารเงินก้อนนี้เอง พอจะกลับก็จะมีงบให้พร้อมกับตั๋วเครื่องบินที่จองให้ประมาณนี้ค่ะ

พี่ไทน์: ทุนตัวนี้ก็จะ Cover แทบทุกอย่างเลย แต่ที่จะมีมากกว่าเพื่อนก็คือจะมีเงินเดือนให้ด้วย ประมาณ 75% ค่ะ จนมีเหลือเกินมาก้อนนึง ใช้สำหรับไปเที่ยวได้เลย ถ้าเกิดใครสนใจก็ ตอนนี้ทุนของ SCG ไม่ใช่เฉพาะพนักงานแล้ว น้อง ๆ ที่กำลังจะไปสมัครเรียน หรือว่าเรียนอยู่แล้วก็ตาม สามารถมาสมัครกับ SCG ได้ ถ้าเกิดผ่านปุ๊บ SCG จะจ่ายค่าทุนที่เหลือ สมมติปี 1 มาเรียนเทอมนึงแล้วก็มาขอทุน SCG ก็จะจ่ายให้ส่วนที่เหลือ

📌 เงื่อนไขของแต่ละทุนมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ต้องกลับมาต้องทำงานให้หรือเปล่า?

พี่ออม: เงื่อนไขของทุนรัฐบาลไทยก็คือต้องกลับมาทำงาน 2 เท่าของระยะเวลาที่เรียน ยกตัวอย่าง หลักสูตรปริญญาโทในอังกฤษเนี่ยจะเรียนประมาณ 1 ปี ฉะนั้นก็เท่ากับว่าต้องกลับมาทำงานในหน่วยงานราชการนั้นอย่างน้อย 2 ปีค่ะ

พี่จูน: ไม่มีเงื่อนไขใช้ทุนแต่ว่าต้องกลับมาทำงานประเทศต้นทางที่มอบทุนให้ ทุน Chevening เขาถือว่าผู้ที่ได้รับทุนเนี่ยเป็น Potential Leader ของแต่ละ Field คือกลับมาทำงานใน Field ของเรา หรือว่า Field ที่หลายคน Switch Career Path ก็มี สมมติก่อนไปอาจจะทำงานนึง ไปเรียนเพื่อ Switch อย่างนี้ก็ได้ ไม่ได้จำกัดเรื่องกลับมาทำอะไร สายงานไหน บริษัทเอกชนหรือข้าราชการได้หมดเลย แต่ว่าเขาขอว่ากลับมาทำงานในประเทศต้นทาง 2 ปี เพราะเขาถือว่าเขาให้ทุนเราไปศึกษาเพื่อกลับมาพัฒนาของประเทศ

⏳ ขั้นตอนการขอทุนมีอะไรบ้าง แต่ละคนใช้ระยะเวลาในการเตรียมตัวนานเท่าไหร่?

พี่ออม: ฝั่งคนทั่วไป ทุนจะมีปีละครั้ง ช่วงปลายปี น้อง ๆ อาจจะต้องเตรียมตัวสอบล่วงหน้า อย่างภาษาอังกฤษอาจจะยากในระดับเดียวกับ IELTS แล้วก็มีข้อสอบภาษาไทยกับเลขด้วย และเราต้อง Research ให้ดีด้วยว่าเราสนใจไปเรียนสาขาอะไร แต่ถ้าเป็นข้าราชการ จะมี Timeline ในการเปิดรับสมัครต่างกัน ขึ้นอยู่กับหน่วยงานด้วย และจะมีเงื่อนไขอีกอย่างนึงก็คือ ต้องสอบ IELTS ให้ผ่านขั้นต่ำก่อน ถ้าถามว่าควรใช้เวลาเตรียมตัวประมาณเท่าไหร่ พี่ก็แนะนำว่าประมาณสัก 2 ปีค่ะ

พี่ไทน์: อะไรพวกนี้มันขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละคน แต่ถ้าอย่างต่ำสำหรับพี่คือ 6 เดือน ส่วนที่พี่อยากจะเพิ่มก็คือ การเตรียมตัวรับทุน เพราะว่าการที่จะรับทุนเนี่ยไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ เราไปรับ เราจะต้องเตรียมเรื่องของ 1. Background, Skill และ Performance ของเรา 2. เราจะไปเรียนอะไร? แล้วมันตอบโจทย์เราในตอนนี้และในอนาคตยังไง? กับ 3. ถ้าเรากลับมาแล้วเราจะให้ Benefit อะไรกับคนที่ให้ทุน? ฉะนั้นเริ่มคิดได้เลย ทำคู่กับการเตรียมตัวไปด้วยเลย

พี่จูน: แล้วแต่คนเลยค่ะ อย่างทุน Chevening ก็คือเปิดให้ทุกคน ข้อดีคือไม่จำกัดอายุ แต่เราต้องมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งรวมพวก Internship ด้วย หลัก ๆ ใน Timeline ทุน Chevening จะเปิดทุกปี ส่วนใหญ่จะเปิดประมาณสิงหาคม ปิดพฤศจิกายน ซึ่งในขั้นตอนนี้ต้องยื่น Application และควรมีมหาวิทยาลัยในใจอย่างน้อย 3 Choice หรือ 3 โปรแกรม ซึ่งอันนี้ยังไม่จำเป็นต้องได้ Offer ก็ได้

📚 แต่ละทุนบังคับให้เราไปเรียนในสาขาใดสาขาหนึ่งไหม?

พี่จูน: ฟรีเลยค่ะ โปรแกรมที่เลือกได้คือเกือบทุกโปรแกรมในมหาวิทยาลัยที่อยู่ในเครือ UK ไม่ใช่แค่อังกฤษเท่านั้น Wales, Northern Ireland, Scotland ก็ด้วย ฉะนั้นตัวโปรแกรมทั้งการเรียนทั้งมหาวิทยาลัย อาจจะขึ้นอยู่กับ Choice อาจจะเป็นสิ่งที่เราอยากเรียนหรือ Personal Interest ได้หมดเลยค่ะ แต่คิดว่าแต่ละปีมันจะมีการเปลี่ยนแปลง

พี่ไทน์: มีค่ะ หลัก ๆ จะเป็นแบ่งเป็นด้าน MBA กับ Specialist ตัว Specialist นี่จะกว้าง มีทั้ง Supply Chain, Data Analytics, Data Science, Ai หรือทาง Law ก็มี หรือเป็นทางด้านแบบ Polymer อะไรที่เป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ก็มีค่ะ ซึ่งเยอะ รายละเอียดเยอะมาก

พี่ออม: ทุนกำหนดเงื่อนไขหลัก ๆ 3 เงื่อนไข 1.วิชาที่เรียนจะค่อนข้าง Specific แล้วก็ Specialize อย่างออมเคยอยู่ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินค่ะ ทุนที่ได้ก็คือให้ไปเรียนกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน 2. ต้องเป็น Top 10 University ของประเทศนั้น ๆ 3. ผู้มอบทุนอยากให้นักเรียนทุนรัฐบาลไทยที่สร้างความหลากหลายของนักเรียนทุนรัฐบาลไทย แต่ละปีก็จะมี Scope Country ที่ให้ไปเรียนไม่เหมือนกัน ถ้าสนใจก็คุยกับพี่ ๆ Hands On ว่าให้ช่วยดูคอร์สให้หน่อยว่าเงื่อนไขของทุนเราเป็นแบบนี้ เราสามารถที่จะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยไหนได้บ้าง

🎓 พี่ Hands On ช่วยอะไรเราบ้างระหว่างที่เราสมัครคอร์สเรียน?

พี่จูน: ตอนยื่นสมัครค่อนข้างจะมีเวลาจำกัด เพราะว่าเราช้าและมีทำงานประจำด้วย แนะนำว่าควรคุยกับพี่ ๆ ก่อนว่า Deadline แต่ละที่เป็นยังไง ตอนนั้น Hands On ก็ช่วยหาข้อมูลมาให้ด้วยว่าถ้าเราสนใจประมาณนี้ นอกจาก Choice ที่เราเล็งไว้ 3 ที่ มีที่อื่นด้วยนะอะไรแบบนี้ ข้อดีคือเรื่องการยื่นมันมีเอกสาร มันมีเรื่องการ Tracking เพราะเรายื่นช้า ซึ่งเป็นงานที่หนัก แต่พี่ ๆ เขาก็ช่วยดูแล ทำให้เราสามารถโฟกัสทำงานของตัวเองได้

พี่ไทน์: ของไทน์คล้าย ๆ กับของจูน พี่ ๆ Hands On ก็ช่วยเหลือได้ดีมากเลย พอเวลามันน้อยแล้วเราก็ยุ่งกับงาน เขาก็ช่วยแนะนำอะไรต่าง ๆ หรือแม้แต่เสาร์ – อาทิตย์ โทรไปก็เขาก็ยังรับโทรศัพท์ อีกอย่างที่ประทับใจก็คือ มี University นึงที่ยื่นไปใน List แล้วปรากฏว่ารอบแรกไม่ผ่าน แต่พี่ Hands On ไปคุยให้กับทางอาจารย์ทางคณะนั้นให้ แล้วก็ Contact ให้เราได้สัมภาษณ์ สุดท้ายก็ได้รับ Offer จากมหาวิทยาลัยนั้นด้วย ถ้าเกิดเราทำเองคงทำไม่ได้ก็คือต้อง Hands On เท่านั้นค่ะ

พี่ออม: ข้อดีของการใช้ Agency อย่าง Hands On คือว่าบางทีเวลาเราทำ Research อะ เราอาจจะรู้ไม่รอบด้าน เท่ากับพี่ ๆ ที่เป็นคน Inside ที่ดูเรื่องการเรียนต่อมานานแล้ว พี่ ๆ ก็แนะนำอะไรให้หลายอย่าง ฟีลเหมือนมีคุณแม่คอยเช็กให้เราตลอดเวลา แล้วก็ในเรื่องของเอกสาร พี่เขาจะ Keep Track ให้ตลอด และที่ดีคือมี Service ในการ Review SOP ให้ด้วย สมัครเสร็จแล้วพี่ ๆ ก็จะคอย Follow Up ให้ มันช่วยลดความกังวลไปได้เลย เพราะมีพี่ ๆ คอยดูแลอยู่ตลอด