แนะนำตัวให้รู้จักหน่อยค่ะ
น้ำฟ้า: สวัสดีค่ะ ชื่อน้ำฟ้านะคะ เรียน MDS Data Science สาขา Digital Humanities ที่ Durham University ค่ะ
ทำไมถึงเลือกเรียนคอร์สนี้?
น้ำฟ้า: จริง ๆ สาขาอักษรที่จบมาตอน ป.ตรี เรียนเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ แล้วก็ได้เรียน Database ด้วย บวกกับตอนนั้นได้ทำงานก่อนอยู่ช่วงนึงค่ะ เลยคิดว่าถ้าเราได้มาต่อด้าน Computer เราก็จะไปได้ไกลกับสายอาชีพนี้ ก็เลยเลือก Data Science ไป เพราะว่า Data Science ไม่ได้เขียนโปรแกรมจ๋าเหมือนกับพวก Computer Science และเราก็จะได้เรียนเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลด้วยค่ะ
การเปลี่ยนสายเรียน ทำให้เรียนยากขึ้นมั้ยคะ?
น้ำฟ้า: เรียกว่ายังรับมือได้ค่ะ ตอนเรียนปริญญาตรีที่หนูเลือกภูมิศาสตร์เพราะว่าหนูเรียนวิทย์มาแล้วก็ไม่อยากทิ้งวิทย์ค่ะ เรียนอักษรและภูมิศาสตร์เนื้อหาก็จะเป็นการผสมผสานกันระหว่างวิทยาศาสตร์กับมนุษยศาสตร์ค่ะ เลยรู้สึกว่าเรายังได้เรียนวิทย์ที่เราชอบได้อยู่ค่ะ ตอนนี้หนูเลยเลือกเรียนต่อ Data Science เพราะรู้สึกว่าเราก็ไม่ใช่สายอักษรเพียวขนาดนั้น เราก็พอมีพื้นฐานเลขมาบ้าง ประกอบกับได้เรียนเลขกับสถิติมาด้วยเลยรู้สึกว่าเราทำได้ มาเลย สู้!
และพอมาสู้จริง ๆ ที่นี่ คือการเรียนทุกอย่างไม่เหมือนที่ไทย ทุกอย่างก็จะเรียนเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงอาจจะยากกว่าตอนปริญญาตรีที่เราเรียนด้วย มันเหมือนเราได้เรียนสายใหม่ที่เราไม่เคยเรียนมาก่อน มีเรียนในห้องแล้วก็ต้องไปทบทวนเอง เน้น Self-Study ก็คือนอกจากในห้องเรียนแล้วก็ต้องไปหาข้อมูลเองด้วย แต่ถ้ามีคำถามอะไรเราสามารถส่งอีเมลไปถามหรือว่าถามอาจารย์หลังเรียนได้ค่ะ
สนใจเรียนต่อ Durham University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก
รีวิว MDS Data Science ที่ Durham University
น้ำฟ้า: Data Science ก็เรียนเกี่ยวกับเขียนโปรแกรมบางส่วนค่ะ เทอมแรกก็จะมีเรียนเขียนโปรแกรมเบื้องต้นสำหรับคนที่ยังไม่มีพื้นฐาน แต่ว่าคนที่มีพื้นฐานแล้วก็สามารถแจ้งอาจารย์ได้ ก็จะไม่ต้องลงวิชานี้ และเลือกลงวิชาเสรีอื่นแทนได้ค่ะ เพราะว่า Durham เขาเปิดมากว่าถ้าเราอยากเรียนวิชาที่ไม่ได้อยู่ในคอร์สเราก็สามารถเข้าไปเรียนได้เหมือนกันค่ะ แล้วก็มีเรียนเลขกับสถิติด้วยค่ะ
สาขาย่อยของ Data Science มีอะไรบ้างคะ?
น้ำฟ้า: คือที่หนูมาสมัคร Data science มันจะมีหลายสาขามาก มันจะมีสาขาหลักด้วยคือ Data Science กับสาขาย่อย ๆ เช่น Digital Humanities, Health, Social Analytics หรือว่า Earth and Environment ซึ่งมีเยอะมาก ตอนนั้นก็คิดอยู่ว่าจะเปลี่ยนกลับมาเป็น Earth and Environment เหมือนเดิมที่เราถนัดมั้ย แต่ว่าก็อยากท้าทายตัวเองก็เลยลองมาสาขา Digital Humanities ค่ะ รู้สึกว่าพอเรียนสาขานี้เราอาจจะสามารถเปลี่ยนสายได้หรือมีความรู้เพิ่มขึ้นค่ะ
ในส่วนของเนื้อหาหลักสูตรจะเป็นการใช้ความรู้เรื่อง Data Science ที่ผสมกับมนุษยศาสตร์ค่ะ ซึ่งหนูรู้สึกว่าแปลกใหม่ดี อย่างการเก็บ Data จากทุกคนมาแล้วเอามาวิเคราะห์แบบนั้นก็มีค่ะ แล้วก็มีการนำ Data มาวิเคราะห์กับรูปภาพ แต่ว่าที่หนูชอบเลยก็คือการวิเคราะห์กับ Archaeology
มีวิชาอะไรที่เราสนใจหรือชอบเป็นพิเศษบ้าง?
น้ำฟ้า: ตอนที่เรียนปริญญาตรีด้านภูมิศาสตร์มา เคยเรียนวิชาย่อยเป็นภูมิศาสตร์และโบราณคดีมาด้วย ก็เลยชอบด้านโบราณคดีค่ะ พอมาเรียนที่นี่ก็เลยลงวิชาเรียนที่ชื่อ ‘Data Science Applications in Archaeology and Heritage’ จะเป็น Data Science สำหรับนักโบราณคดีค่ะ เนื้อหาก็จะผสมผสานการใช้ Data Science ในโบราณคดีต่าง ๆ ค่ะ ตอนที่หนูเรียนก็จะมีการเอาภาพถ่ายดาวเทียมมาวิเคราะห์ทำแผนที่ เราก็จะเอาภาพถ่ายดาวเทียมมาผ่านกระบวนการ Data Science ซึ่งออกมาเป็น Output ที่เกี่ยวกับ Archaeology ประมาณนี้ค่ะ
อีกอย่างที่หนูชอบเลยก็คือ เราสามารถเอาวิชาเรียนตอนปริญญาตรีมาต่อยอดที่นี่ต่อได้ และ Durham University เขาดังเรื่อง Archaeology เลยรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีมากที่ได้เรียนโบราณคดีที่นี่ด้วยค่ะ มันก็เป็น 2 สาขาที่เราชอบผสมกันก็เลยรู้สึกว่า อุ้ย! โชคดีจังที่เลือกสาขานี้
Durham University ได้รับการยกย่องให้เป็น
Top 6 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก สาขา Archaeology จาก QS World University Rankings ประจำปี 2025
สิ่งอำนวยความสะดวกในการเรียนที่ทางมหาวิทยาลัยจัดเตรียมไว้ให้
น้ำฟ้า: พอเรียนเกี่ยวกับ Data Science เราต้องเรียนเขียนโปรแกรม Python ผ่าน Jupyter Notebook ซึ่งก็คือทางมหาวิทยาลัยเขาเตรียมไว้ให้เรา แต่จริง ๆ หนูก็แบกคอมมาเองจากไทยค่ะ (หัวเราะ) เพราะเรารู้สึกว่าใช้คอมตัวเองมันถนัดกว่า ในส่วนของโปรแกรมก็ Download ในเน็ตค่ะ เจ้าหน้าที่เขาก็บอกขั้นตอนทั้งหมดเลยว่าถ้าจะ Download โปรแกรมนี้ใส่คอมเรา เราก็ต้องเข้าไปในเว็บนี้แล้วก็ Download โปรแกรมมาค่ะ
แต่ว่าพอตอนเรียนจริงก็แอบมีปัญหาอยู่อย่างนึงคือ ตอนที่เขียนโปรแกรมหรือว่าใช้โปรแกรมของมหาวิทยาลัย จะต้องอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยเท่านั้นถึงจะใช้โปรแกรมนี้ได้ และพอเราอยู่ข้างนอกเขตมหาวิทยาลัยหรือว่ากลับประเทศชั่วคราว จะต้องมุด VPN เพื่อใช้โปรแกรมของมหาวิทยาลัยเอาค่ะ
การบ้านของสาขาวิชานี้
น้ำฟ้า: ในห้องจะมีทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่มค่ะ แต่ว่าตอนเทอมหนึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นงานกลุ่ม ซึ่งตอนจับกลุ่มทางคณะเขาก็จะเป็นคนจับกลุ่มให้ เพราะว่าเขาอยากให้เราอยู่กับเพื่อน ๆ ที่มาจากหลากหลายประเทศเพื่อที่จะได้พูดคุยภาษาอังกฤษกัน ซึ่งเรานอกจากที่ได้ทำงานด้วย เราก็ได้เรียนรู้ Culture กับนิสัยคนอื่น ๆ ไปด้วยค่ะ ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี แต่ว่าหนูโชคดีเพื่อนคนจีนที่อยู่ในกลุ่มเป็นเพื่อนที่นิสัยดีพอดี ซึ่งพอเขารู้ว่าเป็นคนเอเชียด้วยกันเขาก็พยายามจะช่วยเหลือกัน ในกลุ่มก็จะมีคนต่างชาติที่เป็นคนยุโรปด้วย
กิจกรรมนอกห้องเรียนที่ Durham University
น้ำฟ้า: พอมหาวิทยาลัยรู้ว่าหนูสนใจเกี่ยวกับ Archaeology เขาก็จะส่งเมลที่มีกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวกับโบราณคดีมาให้หนูเรื่อย ๆ เลยค่ะ อย่างล่าสุดหนูก็ไป Volunteer เป็นผู้ช่วยอาจารย์ในการนำไกด์เด็กที่ Museum of Durham History มาค่ะ ซึ่งหนูชอบมาก
ล่าสุดก็มีอีเมลจากมหาวิทยาลัยส่งมาว่าใครที่เรียนด้านสายมนุษยศาสตร์หรือว่าโบราณคดี สามารถไปฝึกงานที่พิพิธภัณฑ์ เพราะว่าที่นี่ได้ Co กับ Shandong University ที่จีนด้วยค่ะ เราได้ภาษาจีนนิดนึงก็เลยสนใจ และรู้สึกว่า Durham เนี่ยนอกจากที่เราจะได้เรียนแค่ในอังกฤษ เขามีโอกาสให้เราได้ไปเรียนที่อื่นด้วย อย่างถ้าคอร์สของเพื่อนก็มีโอกาสได้ไป Sweden อย่างนี้ค่ะ อย่างคอร์สหนูก็มีไปจีนเลยรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยมีโอกาสให้เราเลือกหลากหลายดีค่ะ
สนใจเรียนต่อ Durham University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก
รีวิว Durham University
น้ำฟ้า: Durham University ดีมากค่ะ เวลาเรามีปัญหา ก็สามารถติดต่อ Student Support ของแต่ละคณะได้เลย และเจ้าหน้าที่เขาก็ตอบไวด้วยค่ะ อีกอย่างหนึ่งคือถ้าอะไรที่เกี่ยวกับ Mental Health เขาจะ Take Action ไวมาก เวลาที่มีปัญหาก็เลยจะติดต่อ Staff คณะได้เลยค่ะ
ตอนนั้นมีปัญหาเรื่องเรียนคอร์สนี้แล้วคนไทยมีน้อย ทีนี้ก็เลยอาจจะมีเหงา ๆ บ้าง แล้วก็จะต้องพยายามเรียนคนเดียว Student Support เขาก็ทักมาเลย ก็ได้คุยว่าเกิดปัญหาอะไรบ้างที่อยู่ที่นี่ เรื่องการปรับตัวใช้ชีวิต ซึ่งมหาวิทยาลัยเข้าใจค่ะ ทาง Durham University เขาก็พยายามแก้ปัญหาแล้วก็เข้ามาติดต่อเราตลอดว่าเราเป็นยังไงบ้าง และเขาจะคอยแนะนำตลอดว่าที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งกิจกรรมนี้มันสามารถที่จะช่วยเราเรื่องเรียนหรือว่าชีวิตประจำวันได้ค่ะ ก็น่ารักมาก ๆ เลย คือหนูก็รู้สึกดีขึ้น ทาง Staff ของคณะเขาก็พยายามดูแลเด็กตลอดค่ะ โดยเฉพาะเด็ก International เขาเข้าใจว่าเราห่างบ้านมาไกล แล้วก็มีระยะเวลาอยู่ที่นี่แค่ปีเดียว การปรับตัวเราอาจจะไม่ได้เท่ากับคนอื่น ซึ่งเขาก็เข้าใจแล้วก็ไม่ได้ทิ้งเราตรงนี้ คอยติดต่อเราตลอดค่ะ
ชมรมต่าง ๆ ของ Durham University
น้ำฟ้า: Durham เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชมรมกับกิจกรรมเยอะมาก เพราะว่าเมืองค่อนข้างเล็ก อาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวาเท่ากับเมืองใหญ่ ๆ ทางมหาวิทยาลัยก็เลยมีทั้งชมรมและกิจกรรมให้นักเรียนเลือกทำเยอะค่ะ ถึงแม้ว่าจะอยู่ปีเดียวพอมีกิจกรรมเยอะก็รู้สึกมันช่วยเราในการปรับตัว ก็รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับมหาวิทยาลัยมากค่ะ
ในส่วนของชมรมเราก็มีไปเข้าชมรมกีฬาด้วย ซึ่งชมรมกีฬาที่นี่เยอะมาก ไม่เหมือนกับที่ไทยที่อาจจะมีชมรมเด่น ๆ แค่บางอัน อย่าง ฟุตบอล วอลเลย์บอล แต่ว่าที่นี่มีชมรมอื่นด้วย อย่างพวกเราไปเข้าร่วมชมรม Aerial Arts มาค่ะ ก็จะเป็นโยคะที่ใช้ห่วงกับผ้ามันจะคล้าย ๆ Yoga Fly สวย ๆ
รีวิวระบบ College ที่ Durham University
น้ำฟ้า: Durham University จะมีการแบ่งนักศึกษาเป็นระบบ College หรือว่าระบบบ้านค่ะ จะมีหลายบ้านให้เราเลือกเข้าไปอยู่ซึ่งแต่ละบ้านก็มี Character ที่แตกต่างกันไป มีกิจกรรมแตกต่างกันไปค่ะ
ส่วนตัวหนูอยู่ College ที่มีแต่คนที่เรียนปริญญาโท กิจกรรมอาจจะไม่ได้หวือหวามากเท่ากับ College ที่มีเด็กปริญญาตรีกับโทอยู่ด้วยกัน เวลาพบปะสังสรรค์กันก็อาจจะไม่ได้ตื่นเต้นมาก หรือสนุกเท่า College ที่มีเด็กเรียนปริญญาตรีอยู่ด้วยค่ะ
แต่ว่าที่ประทับใจเลยคือที่นี่มี Formal Dinner น้อง ๆ คนไทยที่อยู่คนละ College ชวนไป ก็คือตื่นเต้นมาก เพราะว่าเหมือนนั่งอยู่ที่ Hall ใน Harry Potter แล้วหนูเป็นคนชอบ Harry Potter ก็เลยฟินมากเลยค่ะ (หัวเราะ)
สนใจเรียนต่อ Durham University ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก
การเตรียมตัวเรียนต่อ กับ Hands On
น้ำฟ้า: ตอนแรกที่จะเลือกมหาวิทยาลัยก็มีหลาย Choice มากว่าจะไปทางตอนใต้ของอังกฤษหรือว่าตอนเหนือดี แต่พอลิสต์มหาวิทยาลัยไปให้พี่เขา พี่ Hands On ก็แนะนำและเปรียบเทียบมาให้หมดเลยว่ามหาวิทยาลัยไหนดีและเหมาะสมกับเรา แนะนำเมืองว่าถ้าเราอยู่เมืองนี้ความเป็นอยู่จะแตกต่างจากเมืองนี้นะ ซึ่งพี่เขาก็จะให้เรามาเลือกอีกทีค่ะว่าเราตกลงเลือกไปที่ไหน
ตอนนั้นตัดสินใจสมัครเรียนตอน Last Minute มาก แต่ Hands On ก็ยังไม่ทิ้งหนูค่ะ (หัวเราะ) พี่ ๆ พยายามถามตลอดเลยว่าเอกสารเสร็จหรือยัง หรือว่าหาหอให้หนูด้วย แล้วก็ส่งรายชื่อหอมาให้หนูว่าพักที่นี่ ๆ นะ ตอนนี้เหลือที่นี่ ๆ ต้องใช้คำว่าพี่ Hands On พยายามกับหนูมากจริง ๆ เพราะว่าเอกสารหนูก็ได้ช้าด้วย วีซ่าก็ได้ช้า ก็เลยรู้สึกขอบคุณพี่ Hands On มากที่พยายามในการติดต่อหนู แล้วก็ใส่ใจทุกรายละเอียดทุกเรื่องการสมัครเรียนต่อเลย
ซึ่งหนูก็รู้สึกขอบคุณพี่ส้มเช้งที่ Hands On มาก เพราะพี่คอยตามเอกสารหนูตลอดเลย เพราะว่าหนูก็เข้าใจว่า Process ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา ซึ่งพี่เขาก็ไม่ได้ทิ้งเลยคอยตามอยู่ตลอด ตอนที่เขียน SoP พี่ส้มเช้งก็บอกว่าถ้าเขียนแล้วไม่มั่นใจก็ส่งมาให้ Hands On ตรวจได้ Process ตอนนั้นก็เลยไปได้เร็วมากขึ้นค่ะ
ตอนนั้นสุดท้ายก็เลือก Durham ไป พี่ Hands On ก็บอกว่า Durham ดีค่ะ แต่พี่เขาก็จะบอกไว้ก่อน ว่าที่นี่จะเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อาจจะไม่ได้มีอะไรมากเท่ากับ London ซึ่งจริง ๆ เราก็เป็นคนติดเมืองเหมือนกันแต่ว่าพอมาอยู่จริง ๆ แล้วก็อยู่ได้ค่ะ เพราะว่าพอเบื่อปุ๊บก็คือขึ้นรถไฟประมาณ 15 นาที ไป Newcastle ที่เป็นเมืองใหญ่ มีห้างสรรพสินค้า มีร้านอาหารครบเลย พอเราอยู่ Durham ก็ได้ความสงบ แต่ว่าถ้าอยากได้สีสันหรือว่าอยากได้ความเป็นเมืองก็จะไปที่ Newcastle ค่ะ เลยมีความ Balance กัน
อยากฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่เปลี่ยนสายเรียนอย่างเรา?
น้ำฟ้า: สำหรับน้อง ๆ ที่เปลี่ยนสายเหมือนพี่ ก็อยากแนะนำว่า ถ้าอยากจะลองเปลี่ยนอย่ากลัวที่จะเริ่มต้นใหม่ค่ะ เราต้องพร้อมสู้กับมัน และนอกจากการเรียนในห้องเรียนแล้วเราจะต้องหาข้อมูลอย่างอื่นเพิ่มด้วย เพราะว่าพอมาเรียนปริญญาโทที่นี่แล้วเขาก็จะเน้น Self-Study ซึ่งเราก็จะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองเยอะ แต่เราก็สามารถถามอาจารย์ ถามเพื่อน ๆ ได้ มหาวิทยาลัยก็มี Student Support ที่เข้าใจเราอยู่ เราแค่อย่ากลัวที่จะส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจากอาจารย์หรือจากทางมหาวิทยาลัยค่ะ (ยิ้ม)