Hands On Education Consultants

ทำความรู้จัก 3 รางวัลการันตีคุณภาพมหา’ลัยชั้นนำใน UK ที่ได้การยอมรับในระดับโลก

น้อง ๆ บางคนที่ศึกษาเกี่ยวกับการเรียนต่อมาเป็นเวลานานแล้ว จะเข้าใจถึงความหมายของแต่ละรางวัลที่มหาวิทยาลัยได้มา ซึ่งรางวัลพวกนี้จะมีเกณฑ์การให้ที่เคร่งครัด เพื่อรักษาคุณค่าไว้มอบให้แก่มหาวิทยาลัยที่เหมาะสม และรางวัลระดับนานาชาติเหล่านี้ ก็จะเป็นสัญลักษณ์ที่การันตีถึงคุณภาพของมหาวิทยาลัยนั่นเอง

พี่ Hands On จึงอยากแนะนำให้น้อง ๆ ได้รู้จักกับ 3 รางวัลที่มอบให้แก่ท็อปยูใน UK พร้อมไขข้อสงสัยว่ารางวัลนี้มีเกณฑ์การให้ยังไง? แสดงถึงอะไร? และ มีรางวัลไหนควรนำมาใช้ตัดสินใจไปเรียนต่อ? พี่ ๆ สรุปมาให้หมดแล้วในบทความนี้

 

ทำไมรางวัลถึงเป็นเรื่องใหญ่?

รางวัลช่วยให้มหาวิทยาลัยมีภาพลักษณ์ที่ดีและน่าเชื่อถือมากขึ้น สร้างชื่อเสียงให้ผู้คนภายนอกเห็นถึงความเชี่ยวชาญและผลงานสำคัญที่มหาวิทยาลัยประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันยังเป็นสัญลักษณ์และแรงจูงใจ ที่ช่วยกระตุ้นให้ ผู้เรียนและอาจารย์มุ่งมั่นสร้างผลงาน ด้านการวิจัย, การศึกษา และกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถทำให้มหาวิทยาลัยพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีกระดับ

เพื่อที่จะได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุด น้อง ๆ ต้องศึกษาเรื่องรางวัลให้เคลียร์ บางรางวัลจะแสดงถึงความเชี่ยวชาญ ที่จะสามารถรับประกันคุณภาพของหลักสูตรที่เราเรียน หรือบางครั้งการได้รับการยอมรับจากองค์กรหรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ ก็ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้ Connection ผ่านทางมหาวิทยาลัยโดยปริยาย แน่นอนว่าเมื่อเรียนจบมาก็จะถูกจับตามองจากผู้ว่าจ้างมากกว่า

 

รางวัลใหญ่แก่มหาวิทยาลัยแห่งปี University of the Year Award

สำหรับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร “University of the Year” เป็นหนึ่งในรางวัลที่ทรงคุณค่าที่สุดที่จะได้รับ เพราะแต่ละปีมีแค่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รับรางวัลนี้ โดยผู้ที่มอบรางวัลจะมีอยู่สองแหล่งหลัก ๆ นั่นก็คือ Times Higher Education (THE) สื่อที่เกี่ยวกับการศึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก และ The Sunday Times ที่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มหนังสือพิมพ์ The Times อันโด่งดัง

ในแง่ของเกณฑ์การตัดสินทางคณะกรรมการจะพิจารณาจากหลายปัจจัยดังนี้

 

Fun Fact!

กระบวนการมอบ University of the Year จะมีการ Shortlisted หรือการรวบรวมรายชื่อมหาวิทยาลัยที่เข้าชิงรางวัลนี้ ซึ่งมีได้หลายรายชื่อ และเมื่อตัดสินผู้ชนะจะมีการประกาศอันดับสองด้วย เรียกว่า “Runner-up” ซึ่งมหาวิทยาลัยที่ติดใน Shortlisted ก็นับว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นมากแล้วในปีนั้น อีกด้านนึง Runner-up ก็เหมือนเป็นตำแหน่งที่สูงรองลงมาจากผู้ชนะซึ่งจะมีรายชื่อเดียวเช่นกัน

 

ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่เคยได้รับรางวัลนี้

 

The Teaching Excellence Framework (TEF)

โครงการระดับชาติที่ดำเนินการโดย Office for Students (OfS) ที่จะประเมินและให้คะแนนมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ว่ามีคุณภาพและมาตรฐานอยู่ในระดับใดจากทั้ง 4 ระดับโดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. ระดับ GOLD: ระดับสูงสุดที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่มีความเหนือชั้นและมีความโดดเด่น
  2. ระดับ SILVER: ระดับที่แสดงถึงคุณภาพที่เหนือมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ
  3. ระดับ BRONZE: ระดับที่แสดงถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐาน
  4. ระดับ Requires improvement: แสดงให้เห็นถึงข้อบกพร่องที่ต้องรีบปรับปรุงและแก้ไข

เมื่อ TEF จะมอบระดับให้มหาวิทยาลัยใดก็ตาม จะมี 3 ด้านให้วิเคราะห์ ได้แก่

 

Fun Fact!

ระดับ Silver ไม่ได้หมายความว่าเป็นระดับรองหรือเป็นที่สองของระดับ Gold แต่แสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยนั้นเหนือมาตรฐานแล้ว แต่ยังมีบางจุดที่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นอีกได้

 

ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่ได้ระดับ Gold ทั้ง 3 ด้าน

 

Triple Crown Accreditation

น้อง ๆ คนไหนที่อยากไปเรียนต่อด้าน Business, Management หรือ MBA ต้องคอยสังเกตไว้ให้ดี “Triple Accreditation” มันเป็นเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า Business School ของที่มหาวิทยาลัยนี้ ได้การรับรองมาตรฐานด้าน หลักสูตร การวิจัย อาจารย์ นักศึกษา เครือข่าย และผลงานต่าง ๆ เป็นที่ยอมรับในระดับสากลจาก 3 สถาบันทางด้านบริหารธุรกิจแล้ว แสดงให้เห็นว่าหลักสูตรมีความทันสมัยและสิ่งที่เรียนจำเป็นต่ออุตสาหกรรมจริง ๆ

 

Fun Fact!

Business School ที่มีกว่า 13,000+ แห่งทั่วโลก มีเพียง 136 แห่ง (นับเป็น >1%) ที่ได้รับ Triple Accreditation เพราะบางทีอาจจะได้การยอมรับจากแค่ 1-2 สถาบันทางด้านบริหารธุรกิจนั่นเอง

*ข้อมูลจาก MBA Today ณ กุมภาพันธ์ 2568

 

ตัวอย่างมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรองแบบ Triple Accredited

 

สนใจสมัครเรียนในมหาวิทยาลัยมากรางวัล หรืออยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมในการเรียนต่อต่างประเทศ ปรึกษาพี่ Hands On ฟรี ทุกขั้นตอน!