แนะนำตัวให้รู้จักหน่อยค่ะ
Pa: ชื่อปานะคะ เรียนคอร์ส MA Design and Branding Strategy ที่ Brunel University of London ค่ะ
ทำไมปาถึงเลือกเรียนต่อปริญญาโทในสาขานี้คะ?
Pa: ก่อนหน้านี้เรียน Graphic Design มาค่ะ ที่เลือกคอร์สนี้เพราะว่าตอนเรียนกราฟิกเราได้ทำ แต่เราอยากฝึก Skill การคิดกว่านี้ และยังอยากแตะดีไซน์อยู่ เราเลยเลือกคอร์สนี้ เพราะแตะทั้งดีไซน์และยังเน้นทางด้าน Strategy เป็นการต่อยอดค่ะ
ทำไมถึงเลือกเรียนที่ London ใน UK ล่ะคะ? ได้เล็งประเทศอื่นไว้ด้วยหรือเปล่า?
Pa: เคยมา Summer ที่อังกฤษแล้วรู้สึก Blend in กับ Culture ที่อังกฤษ
เรื่อง Design ของอังกฤษก็รู้สึกว่าดีระดับหนึ่งเลยคิดว่าน่ามา คือปาโฟกัสที่อังกฤษเลย และเรื่องของเมืองก็โฟกัสเมืองที่เขาเน้น Art เน้น Design ค่ะ ก็จะมี Manchester และมี London แต่ตัดสินใจมา London เพราะรู้สึกว่า Environment ด้วย Museum การเข้าเมืองอะไรแบบนี้ด้วย ส่วนที่เลือก Brunel เพราะว่า Course Syllabus เขาน่าเรียนค่ะ
รีวิว MA Design and Branding Strategy ที่ Brunel University of London
ก่อนจะเริ่ม รีวิวการเรียน Pre-Sessional English Course ที่ Brunel ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ?
Pa: เรียน Pre-Sessional ก็เหมือนเรียน IELTS แบบ Real IELTS เพราะก็เรียนฟังพูดอ่านเขียนเลย แล้วก็เรียนกับอาจารย์ฝรั่ง ได้เจอเพื่อน ๆ ด้วย และมีกิจกรรมกลุ่ม ซึ่งก็ดีค่ะ ปารู้สึกว่ามันเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนต่อป. โท เหมือนกัน เพราะว่าจะมีการสอบวัดระดับหลังเรียน pre-sessional ทุก Skill เลยค่ะ เช่น Writing ก็จะมีการสอบเขียน Essay เหมือนสอบ IELTS เลย แล้วก็มีให้ทำ Report ซึ่ง Adapt สกิลตรงนี้มาทำ Report ตอนป. โทได้ อย่างเช่น Pattern ของที่อังกฤษเป็นแบบนี้ Structure Reference เป็นแบบนี้ และยังเป็นช่วงที่ได้เจอเพื่อนคณะอื่น ๆ ด้วยค่ะ
คอร์ส MA Design and Branding Strategy เรียนอะไรบ้างคะ?
Pa: คอร์สนี้จริง ๆ เรียนค่อนข้างเยอะค่ะ แต่ว่าจะไม่ได้เรียนลงลึกของการดีไซน์ เช่น Illustrator กับ Photoshop แล้ว แต่ว่าจะเรียนเกี่ยวกับทฤษฎีมากกว่า คือในเทอม 1 ปาจะเรียน Strategic Design Management, Innovation Strategy and Management, Design and Branding Research และเทอม 2 จะมี Design and Branding Futures เข้ามา
อย่าง Strategic Design Management ก็เรียนการจัดการแบรนด์ คือมาเรียน Branding เพราะฉะนั้นทุกอย่างจะค่อนข้างเกี่ยวข้องกับแบรนด์ ซึ่งแบรนด์ก็จะเป็นองค์กรเลย ไม่ได้เป็นแค่ Product หรือเป็นแค่ร้านทั่วไปค่ะ ส่วน Management ก็จะเรียนเกี่ยวกับการจัดการแบรนด์ เรียน Market เรียนการรู้จักคนหรือ Behavior ค่อนข้างเยอะ ทำให้เรารู้จักตลาดว่าเราจะ ปรับหรือพัฒนาแบรนด์ยังไง แล้วก็จะมี Case Study กับ Framework เยอะมากสำหรับคลาสนี้ค่ะ
สำหรับ Innovation Strategy and Management ก็คือไม่รู้ว่าเป็น Nature ของอังกฤษมั้ย หรือเป็นที่ Course Syllabus เพราะเขาจะเน้น Innovative กับ Sustainability เยอะมาก เพราะฉะนั้นของปามีเรียน Design Innovation มันก็คือนำ Innovation เข้ามาใน Branding ยังไง และจะ Enhance มันเข้ามายังไงในอนาคตโดยที่ต้องคำนึงถึงเรื่อง Sustainability ด้วย อะไรแบบนี้ค่ะ ปกติคอร์สของป. ตรีที่เรียนมาก็จะค่อนข้างเน้นความสวยงาม เพราะเราเป็น Graphic Designer เนอะ แต่ว่าอันนี้ก็จะเน้น Realistic ด้วย คือจะสวยงามอย่างเดียวไม่ได้แล้ว มันต้อง Realistic ต้องทำอะไรให้องค์กรบ้าง ประมาณนี้ค่ะ
ใช่สิ่งที่เราชอบหรือเปล่า?
Pa: เป็นสิ่งที่ชอบนะ แต่ก็มีไม่ชอบบ้าง เช่นปาไม่ถนัด Design and Branding Research ซึ่งเป็นวิชาที่เรียนทำวิจัยเกี่ยวกับการออกแบบ มันต้องอ่านเยอะมากค่ะ เหมือนว่าถ้าเราจะพัฒนาแบรนด์ ๆ หนึ่ง เราต้องอ่านตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต หรืออะไรแบบนี้ค่อนข้างเยอะ เลยรู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นเด็กเนิร์ดมาก ต้องเอาตัวเองมาเป็นเด็กเนิร์ดมากกับวิชานี้ ซึ่งไม่ค่อยใช่ตัวเองเท่าไหร่ (หัวเราะ) แต่ว่าก็ Happy นะ เพราะเราก็ได้รู้อะไรใหม่ ๆ
แล้วบรรยากาศในห้องเรียนเป็นยังไงคะ อาจารย์กับเพื่อน ๆ น่ารักมั้ย?
Pa: ในห้องของปามีเรียนแค่ 10 คนเอง แต่ว่ามันก็มีทั้งข้อดีและไม่ดีเนอะ ซึ่งข้อเสียปารู้สึกว่ามันน้อยมาก สังคมเราอาจจะไม่ได้กว้างขนาดนั้น แต่ว่าข้อดีคือ Professor สามารถ 1 on 1 แต่ละคนได้เลย เหมือนว่าเพื่อนมีแค่นี้ มันก็จะรักกันอยู่แค่นี้แหละ ก็จะเป็นกลุ่มเดียวใหญ่ ๆ ในแต่ละคลาส เวลามี Workshop กลุ่ม เขาก็จะพยายามบังคับให้เวียนกลุ่ม เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้ทำงานด้วยกันหมด ซึ่งอันนี้เป็นข้อดี น่ารักดีค่ะ ส่วนอาจารย์ก็ Nice ไม่โหดนะคะ แต่ว่าเราต้องมีเหตุและผลกัน หมายถึงว่าเราก็ต้องเรียนนะ ห้าม Late ต้องมีงานส่ง เพราะว่าเขาก็จะสั่งการบ้านเยอะเหมือนกันค่ะ
การบ้านเยอะนี่มีอะไรบ้าง งานเยอะแบบนี้มีสอบอีกหรือเปล่า?
Pa: Assignment ของทุกวิชาก็จะมีทั้งเดี่ยวและกลุ่ม ซึ่งงานเดี่ยวก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรค่ะ แค่ต้องสู้กับตัวเอง แต่ว่างานกลุ่มก็จะมีสถานการณ์ที่ต้องอยู่กับคนอื่นนิดหนึ่งแหละ แล้วก็การ Discussion ค่อนข้างสำคัญ เพราะว่า Professor ให้ความสำคัญกับตรงนี้ค่ะ แล้วก็หลักสูตรนี้ไม่มีสอบค่ะ มี Coursework อย่างเดียว แต่ก็จะมีการบ้านให้ทำในแต่ละ Workshop บ้างประปราย เพราะคอร์สของปาแต่ละวิชาจะแบ่งเป็น Lecture 2 ชั่วโมง และ Workshop 3 ชั่วโมง โดย Apply จาก Lecture นี่แหละ ซึ่งก็จะมีพวก Assignment และการบ้านนิดหน่อย แต่ถ้าเป็น Assignment ใหญ่ที่เป็นเกรดก็จะมีวิชาละ 2 ตัวค่ะ งานเดี่ยว งานกลุ่ม
สนใจเรียนต่อ Brunel University of London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก
รีวิว Brunel University of London
Pa: เอาจริง ๆ มหาวิทยาลัยมี Facility ค่อนข้างครบค่ะ อย่างเช่นปาชอบออกกำลังกาย ก็มียิมให้เข้า ในมหาวิทยาลัยมีบาร์ด้วย วันไหนเครียด ๆ ก็ไป Drink ในมหาวิทยาลัยกับเพื่อน ๆ แล้วที่นั่นก็มีห้องสมุดที่ดีเลยค่ะ ปาขลุกตัวเหมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 เลย เวลาปั่น Assignment มันค่อนข้างใช้เวลานาน ซึ่งห้องสมุดก็จะเปิด 24 ชั่วโมง นำของกินเข้าไปได้ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี และในมหาวิทยาลัยก็จะมีคาเฟ่หลาย ๆ ที่ มีประมาณ 3 ที่ ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานก็ไปนั่งคาเฟ่ได้ อีกอย่างคือมหาวิทยาลัยเขามีกิจกรรมค่อนข้างเยอะ อย่างเช่น Festival ต่าง ๆ เขาก็จะจัดให้เราเข้าไปร่วมได้ค่ะ
ชีวิตความเป็นอยู่ตอนเรียนที่ Brunel เป็นยังไงบ้าง?
Pa: Brunel University of London ก็ยังถือว่าอยู่ในลอนดอนนะคะ เพราะเดินทางเข้าเมืองง่ายมาก นั่งรถไฟแค่ 40 นาทีก็ถึง แต่หนูรู้สึกว่ามันเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้อยากเจอความวุ่นวายในเมืองขนาดนั้น คือมันก็ยังมีทุกอย่างอยู่นะ อยู่ง่าย และค่าครองชีพที่นี่ถูกกว่าในเมืองเยอะค่ะ จริง ๆ เหมือนอยู่เมืองอื่นเพราะค่าครองชีพต่ำกว่าในตัวเมืองลอนดอน ซึ่งก็รู้สึกว่าประหยัดได้ระดับหนึ่งเลยเหมือนกัน แล้วก็ที่นี่ค่อนข้างครบ มี City Center Uxbridge ซึ่งก็มีหมด มีให้ Shopping มีชานมให้กิน มีสถานีรถไฟเข้าเมือง หนูรู้สึกว่ามันครบแล้วค่ะ ส่วนหอที่ปาอยู่เป็นหอใน มี Security คอยดูแลตลอด ไม่ต้องกลัว อย่างเช่นในครัวก็จะมีคุณแม่บ้านมาทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์ หนูก็รู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว และด้วยความที่ตึกเรียนกับหอพักเดินทางแค่ 5-10 นาทีถึง ซึ่งรู้สึกว่าสะดวกมาก
ชีวิตเรียนต่อที่อังกฤษ ได้ไปเที่ยวที่เมืองอื่นบ้างมั้ยคะ?
Pa: ก็ไปเที่ยวบ้าง ไปเมือง Manchester, Oxford, Bath แล้วก็ Cornwall ถ้าเมืองใกล้ ๆ อย่าง Bath หรือ Oxford ก็ไปแบบ 1 Day Trip ไป Shopping บ้าง ไปนั่งสวน กินข้าว แล้วก็เดินเมืองอะไรแบบนี้ ซึ่งก็ดีค่ะ ส่วนเมืองที่ไปเป็น Trip ก็มีไป Cornwall กับ Manchester ซึ่งก็คนละ Vibe เลย คือ Manchester ก็จะเป็น City Walker เป็นฟีลแบบเดินดูเมืองเล่น ๆ เพราะเมืองนี้เขาก็เน้นดีไซน์เนอะ ไปดู Museum ส่วน Cornwall จะเป็นเมืองติดทะเล ก็จะไปเดินเขา คนละ Vibe เลย แบบปีนผาอะไรแบบนี้ก็เหนื่อยดีค่ะ (หัวเราะ) มี Trekking เล็ก ๆ ชิลล์ ๆ ค่ะ
สนใจเรียนต่อ Brunel University of London ปรึกษาพี่ ๆ Hands On ฟรี คลิก
รีวิวบริการของ Hands On
Pa: จริง ๆ ก็มี Plan เรียนต่อมานานมากแล้วค่ะ พอเรียนจบป. ตรี ก็อยากเรียนป. โท แต่รู้สึกว่ากลัวไม่รอดอยากทำงานก่อน เลยไปทำงานก่อน พอถึงจุด ๆ หนึ่งก็รู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว Passion มันมาก็เลยมาเรียน ถามว่าเตรียมตัวนานมั้ยก็นานนะคะ เหมือนว่าเตรียมไปด้วยและทำงานไปด้วย มันเลยไม่ Potential แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็มาสอบ IELTS แล้วก็มาเลย ประมาณ 3 เดือนค่ะ
แล้วรู้จักพี่ Hands On ได้ยังไงคะ
Pa: รู้จักพี่ Hands On ตั้งแต่จบป. ตรีค่ะ ได้ไปงาน Event เรียนต่อที่พารากอน ซึ่งจริง ๆ ตอนนั้นก็รู้จักหลาย ๆ Agency แล้วก็คุยมาเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายก็เลือก Hands On เพราะตอบโจทย์หนูที่สุดค่ะ เพราะตอนนั้นพี่ ๆ เขาคอยมาตาม ตอบเร็ว ให้คำปรึกษาตรงจุดอะไรแบบนี้ค่ะ แล้วก็ช่วยคัดกรองมหาวิทยาลัยและคอร์สที่หนูอยากเข้าได้จริง ๆ คือพี่ ๆ Hands On เป็นแนวให้คำปรึกษา ไม่ได้กดดัน
แล้วพี่ Hands On ช่วยอะไรบ้าง?
Pa: พี่ Hands On ช่วยตามเยอะมาก จริง ๆ ตอนงานเยอะ ๆ หนูก็หลุดโฟกัสเรื่องเรียนต่อไปเลย ถามว่าอยากไปเรียนต่อมั้ยก็อยาก แต่ว่าหลุดโฟกัสไปเลย ไม่ได้โฟกัส IELTS แต่พี่เขาก็ช่วยกรองมหาวิทยาลัยมาให้ เราแค่บอกว่าเราอยากได้ Design ที่มี Strategy ด้วย เขาก็คัดกรองมาให้ เราก็ปรึกษากันตลอดค่ะ จนถึงวันสอบ IELTS วันยื่น IELTS วันยื่น SoP (Statement of Purpose) พี่ ๆ เขาก็อยู่กับหนูมาตลอดเลย อย่างตอนที่ได้ Offer แล้วยังติดต่อเรื่องหอพักต่อ จนหนูเดินทางมาอังกฤษ พี่ ๆ ก็ยังให้คำปรึกษาตลอดเลย
กิจกรรม Pre-Departure ของพี่ Hands On
Pa: เข้าค่ะ รู้สึกว่าเป็น Session ที่เตรียมตัวให้เราแบบ in Detail งาน Pre-Departure ของพี่ Hands On ค่อนข้างเตรียมความพร้อมให้หนูก่อนมาได้ระดับหนึ่งเลย เพราะหลาย ๆ เรื่องก็ไม่รู้ ตอนที่หนูเคยมา Summer ที่อังกฤษ คือส่วนใหญ่เขาจัดการให้หมด แต่ว่าการมาเรียนป. โท ปารู้สึกว่าต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว อันนี้พี่ ๆ เตรียมความพร้อมให้ระดับหนึ่ง ทำให้ไม่กลัวการเข้ามาประเทศนี้คนเดียวอะไรประมาณนี้ค่ะ
ฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่สนใจอยากเรียนต่อที่ Brunel University of London หน่อยค่ะ
Pa: หนูว่า Brunel ก็อยู่อย่างมีความสุขได้ คือปาเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวาย ใครที่ไม่ชอบความวุ่นวาย เมืองหลวงจ๋าขนาดนั้นก็อยู่ Brunel แบบมีความสุขได้เลยค่ะ คือมันสงบดีนะ ไม่ได้เงียบจนน่ากลัว และอย่างที่บอกว่าเข้าเมืองง่าย ถ้าสมมติว่าอยากเข้าเมืองไปเที่ยวลอนดอนก็สะดวก และหนูรู้สึกว่า Course Syllabus ของ Brunel ทำถึงเหมือนกัน สิ่งที่ได้เรียนก็เป็นสิ่งที่อยากเรียน อย่างเช่นของปาจะมีวิชา Design Future ซึ่งเป็นการเรียนว่าอดีตเราทำอะไรกันมา และปัจจุบันเราทำอะไรอยู่ เพื่อจะไป Predict ว่าในอนาคตเราจะเป็นยังไงกัน มนุษย์เราจะใช้ชีวิตยังไง ในเรื่องของ Healthcare หรือ Entertainment จะไปในทางไหน หนูรู้สึกว่า Course Syllabus เขาทำถึง และอาจารย์ทุกคนค่อนข้างใส่ใจ เพราะจะมี Tutorial Individual ให้เราเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ถามชีวิต ถามความเป็นอยู่ และเจาะจงเรื่อง Academic ด้วย เลยรู้สึกว่า Brunel University of London เป็นอีกมหาวิทยาลัยที่แนะนำค่ะ 
